วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

จุดยืนและบทบาทของพุทธศาสนาในประเทศไทย

ความเป็นมา
๑. พุทธศาสนาได้เข้ามายังสุวรรณภูมิกว่าสองพันปีแล้ว โดยพระโสณเถระและพระอุตตรเถระราว พ.ศ.๒๓๖ ซึ่งในระยะแรก ยังคงมี อิทธิพลของ ศาสนาฮินดู และพุทธศาสนานิกายมหายานปะปนกันอยู่ จนกระทั่งนิกายหินยานแบบลังกาวงศ์ได้เข้ามาแทนที่ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๖
๒. พุทธศาสนานิกายหินยานในประเทศไทยยึดการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธ เจ้า โดยเคร่งครัดดังปรากฎในพระไตรปิฎก ซึ่งมีการสังคายนา ให้ถูกต้องมาโดยตลอด และเมื่อพุทธศาสนาในลังกาเสื่อมลง คณะสงฆ์แห่งสยามก็ได้ส่งพระอุบาลีไปตั้งนิกายสยามวงศ์ ขึ้นใหม่ในลังกา พระมหากษัตริย์ ไทยทุกพระองค์ได้เป็นองค์ศาสนูปถัมภกทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาโดยต่อเนื่อง รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้สถาปนานิกายธรรมยุติขึ้น ทำให้ ในประเทศไทยมีพุทธศาสนาแบบหินยานหรือเถรวาทสองนิกาย คือมหานิกาย และธรรมยุติ แต่มีหลักปฏิบัติตามพระไตรปิฎกเช่นเดียวกันกับในอดีต
๓. ในยุครัชกาลปัจจุบันในประเทศไทยก็ยังมีพระอริยะบุคคลเกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะในสายธรรมยุติที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ท่ามกลาง การกระทำที่เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธ ศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยจากภายนอก หรือภายในประเทศ ทั้งที่เกิดจากพระสงฆ์เอง และฆราวาส รวมทั้งการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปจากแนวเดิม เช่น สำนักสันติอโศก และ วัดธรรมกาย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ ที่สำคัญคือการตัดข้อความที่ว่า ?พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ? ออกไป ประกอบกับอิทธิพล ของโลกาภิวัตน์ ทำให้ประชาชนไทยรุ่นใหม่ขาดความเข้าใจ ในหลักการของพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ และไม่ได้นำหลักคำสอน หรือธรรมะของ พระพุทธเจ้ามาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิด ความไม่มั่นคงทางสังคมได้ในอนาคต

ปัญหา
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในฐานะประธานกรรมการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (องค์กรอิสระ) ได้รับมอบหมาย ให้จัดงาน วิสาขบูชาปี ๒๕๔๘ ที่พุทธมณฑล และได้สนับสนุนงบประมาณให้จำนวนหนึ่ง และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ออกคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการที่ปรึกษา และคณะกรรมการดำเนินงานโครงการรมณียสถานอุทยานธรรมวิสาขบูชา เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๘ เพื่อจัดงานปฏิบัติบูชาวิสาขมาส ณ พุทธมณฑล ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๘ ก่อให้เกิดความแคลงใจขึ้นโดยเฉพาะ ในมหาเถรสมาคมซึ่งเคยจัดงานนี้มาเป็นประจำ ตลอดจนประชาชนทั่วไปเกิดความสับสนในบทบาทของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะเป็นสำนักเลขาธิการของมหาเถรสมาคม และไม่เข้าใจ ว่ามีเจตนาซ่อนเร้นอะไรแฝงอยู่ในการนี้หรือไม่

ข้อเท็จจริง
๑. มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรปกครองสงฆ์สูงสุดของไทย ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคม ประกอบด้วย สมเด็จ พระสังฆราช ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ โดยตำแหน่ง สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และพระราชาคณะ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งมีจำนวนไม่เกิน สิบสองรูป เป็นกรรมการโดยมีผู้อำนวยการสำนักงาน พุทธศาสนาแห่งชาติเป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง มหาเถรสมาคม มีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ ออกคำสั่งมีมติ หรือออกประกาศ โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายและพระธรรมวินัย ใช้บังคับได้ และจะมอบให้พระภิกษุรูปใด หรือคณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการ เป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่ตามวรรคหนึ่งได้
๒. มหาเถรสมาคมได้ใช้อำนาจตามความในมาตรา ๒๗ แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ สั่งให้พระโพธิรักษ์สละสมณเพศเสีย
เมื่อ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๓๒ เพราะประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ และไม่สังกัดวัดใดวัดหนึ่ง จงใจทำพระวินัยให้วิปริต คลาดเคลื่อนจากคำสอนของพระศาสนา และได้กระทำประกาศนียกรรม ประกาศข้อเท็จจริงให้ประชาชนทั่วไปทราบเมื่อ ๖ มิถุนายน ๒๕๓๒ เพื่อไม่ให้พระภิกษุและสามเณรคบหาสมาคมหรือ ร่วมมือใดๆ แก่พระโพธิรักษ์ หรือตกเป็นเครื่องมือในการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา และความมั่นคงของประเทศชาติสืบไป นอกจากนี้ สมณโพธิรักษ์ เจ้าสำนักสันติอโศก ยังเคยถูกศาลสั่งลงโทษจำคุก ๖ เดือน ให้รอลงอาญา ๒ ปี เพราะไม่ยอมลาสิกขาตามคำสั่งมหาเถรสมาคม และให้จำคุก ๖๖ เดือน แต่ให้รอลงอาญา ด้วยความผิดแต่งกายเครื่องหมายสงฆ์ และประกอบพิธีกรรมบวชให้คนอื่น ๓๓ ครั้ง
๓. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม มีความใกล้ชิดกับสำนักสันติอโศกมาก และมีบทบาททางการเมืองสูง มีบทบาท เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองมาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันก็ยังได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม หรือ Center for the Promotion of National Strength on Moral Ethics and Values ที่มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่เป็น ๑ ใน ๘ ของ โครงการกระตุกต่อมคิด ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใหม่ที่เรียกว่า สำนักงานและบริหาร พัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) หรือ OKMD - Office of Knowledge Management and Development ซึ่งมีสถานภาพเป็น องค์การมหาชน เฉพาะในส่วนศูนย์คุณธรรมฯ มีงบประมาณดำเนินการ ๒๒๖ ล้านบาท นอกจากนี้ศูนย์คุณธรรมฯ ยังมีคุณนราทิพย์ พึ่งทรัพย์ แห่งเครือข่าย สำนักสันติอโศก เข้ามาเป็นผู้อำนวยการอีกด้วย
๔. ภารกิจของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม โดยหลักแล้วไม่ใช่เพื่อ ดำเนินการเคลื่อนไหวเอง หากแต่เพื่อทำหน้าที่ เป็นองค์กร ประสานงาน สนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อคุณธรรม องค์กรที่เข้าร่วมจึงมีทั้งองค์กรทั่วไป และ องค์กรทางศาสนา ของ ทุกศาสนา ทุกสำนัก กิจกรรมครั้งแรก ๆ ที่ดำเนินการไปแล้วก็คือการจัดประชุมเพื่อหาทางยับยั้ง วิกฤต ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมาด้วยการให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยสึนามิ ศูนย์คุณธรรมฯ จึงสามารถจะเป็นสถานที่ประสานงาน ประสานความคิด อย่างดีระหว่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับศาสนิกของศาสนาต่าง ๆ พุทธทุกสำนัก คริสต์ อิสลาม ฮินดู และ ซิกส์ แม้ว่าในการเคลื่อนไหว คัดค้านการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของเบียร์ช้างที่ผ่านมาจะไม่ได้กระทำในนามประธาน ศูนย์คุณธรรมฯ แต่ท่านดำเนินการในนามประธาน มูลนิธิกองทัพธรรม องค์กรในเครือข่าย สำนักสันติอโศก
๕. สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่พุทธมณฑลนั้น เป็นผลเนื่องมาจากการเรียกร้องของชาวพุทธที่ต้องการ ให้ตั้งกระทรวง พระพุทธศาสนาขึ้น ในโอกาสปฏิรูประบบราชการในรัฐบาลที่ผ่านมา แต่รัฐบาลไม่เห็นด้วย จึงมีฐานะเป็นเพียงหน่วยงาน พิเศษขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ต้องพิทักษ์คุ้มครองพุทธศาสนาในโลกไม่ว่าจะเป็นมหายาน หรือเถรวาท เพื่อให้เป็นเอกภาพ และยังมีฐานะเป็นสำนักเลขาธิการของของมหา เถรสมาคมอีกด้วย โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้สนองงาน และเป็นเลขาธิการ มหาเถรสมาคมด้วย ปัจจุบัน คือ นายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล โดยมิได้รับความเห็นชอบ จากมหาเถรสมาคมแต่อย่างใด
๖. อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ได้พยายามผลักดันให้ พ.ร.บ.บริหารกิจการเกี่ยวกับพุทธศาสนา แห่งชาติออกมา แต่ยังไม่สำเร็จเพราะต้องมีฐานทางการเมืองสนับสนุน การบิดเบือนพระธรรมวินัยของพุทธศาสนา อาจจะไม่ร้ายแรงเท่ากับภัย ที่เกิดจากการขาดเจตนารมณ์ในการปกป้องพุทธศาสนา เช่นดังกรณีการแบ่งงานระหว่างสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติและกรมการศาสนา โดยมอบหมายให้สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการเกี่ยวกับ ศาสนบุคคล และศาสนวัตถุ ส่วนกรมการศาสนารับผิดชอบ ด้านศาสนธรรมและศาสนพิธี แสดงว่าไม่มีความเข้าใจในการบริหารงานทางศาสนาโดยคิดว่า แบ่งงานกันแล้วจะสามารถทำงานได้ ทั้ง ๆ ที่คณะสงฆ์มีมหาเถรสมาคมเป็นองค์กรสูงสุดในการปกครอง สมณศักดิ์มีไว้เพื่อประโยชน์ทางการปกครอง แต่การดำเนินการจริงไม่มี ประสิทธิภาพ คณะสงฆ์หรือสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติไม่ได้ดำเนินการ หรือไม่มีกิจกรรมที่จะดำเนินการ มหาเถรสมาคม ได้มีมติ ไม่เห็นด้วยที่แบ่งแยกงานเช่นนี้ นอกจากนี้ยังมีความพยายามที่จะให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติไปขึ้นกับกระทรวงวัฒนธรรม ปัจจุบัน
ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง รับผิดชอบงานของสำนักพุทธศาสนาด้วย
๗. ในคำสั่งมหาเถรสมาคม พ.ศ.๒๕๓๘ เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยระบุว่าห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมชุมนุม ในการเรียกร้องสิทธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ และหากมีการฝ่าฝืนปฏิบัติ พระสังฆาธิการตั้งแต่ชั้นเจ้าอาวาสขึ้นไป ผู้มีอำนาจหน้าที่ ในทางปกครอง จะต้องชี้แจงแนะนำผู้อยู่ในปกครองของตนให้ทราบคำสั่งมหาเถรสมาคมนี้ รวมทั้งกวดขันอย่าให้ฝ่าฝืนละเมิด และหากพระภิกษุรูปใดฝ่าฝืนคำสั่ง ก็สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนได้ทันที
๘. บทบาทของพระสงฆ์ในทางการเมือง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ กำหนดไว้ดังนี้ คือ
๘.๑ มาตรา ๓๘ บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการนับถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนาและ ย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติ ตามศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมือง และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในการใช้เสรีภาพดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง บุคคลย่อมได้รับ ความคุ้มครองมิให้รัฐกระทำการใดๆ อันเป็นการรอนสิทธิ หรือเสียประโยชน์อันควรมีควรได้ เพราะเหตุที่ถือศาสนา นิกายของศาสนา ลัทธินิยมในทางศาสนา หรือปฏิบัติตามศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรม ตามความเชื่อถือแตกต่างจากบุคคลอื่น
๘.๒ มาตรา ๑๐๖ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ในวันเลือกตั้ง เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง คือ
(๑) วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(๒) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
(๓) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
(๔) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
๙. หน้าที่ของรัฐด้านศาสนาในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๗๓ รัฐต้องให้ความอุปถัมภ์ และคุ้มครอง พระพุทธศาสนา และศาสนาอื่น ส่งเสริมความเข้าใจอันดี และความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา รวมทั้งสนับสนุนการนำ หลักธรรมของศาสนามาใช้ เสริมสร้างคุณธรรม และพัฒนาคุณภาพชีวิต
๑๐. หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ดังระบุใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ และฉบับแก้ไข เพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๓๕ มีรายละเอียดสรุปโดยย่อได้ดังนี้
๑๐.๑ พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง
๑๐.๒ เมื่อสมเด็จพระสังฆราชไม่อาจทรงปฏิบัติหน้าที่ได้ และมิได้ทรงแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ให้สมเด็จพระราชาคณะ ผู้มีอาวุโส สูงสุดโดยสมณศักดิ์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จสังฆราช
๑๑. ในวันที่ ๒๐ เมษายน ศกนี้ กลุ่มแกนนำชาวพุทธประมาณ ๒๐ คนนำโดย ผศ.เสถียร วิพรมหา อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย และประธานพุทธบริษัท ได้เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนตัว ผอ.พศ. ต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล พศ. และยื่นหนังสือต่อมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อแสดงจุดยืนของกลุ่มชาวพุทธที่มีต่อการปฏิบัติหน้าที่ ของนพ.จักรธรรม โดยมีสาระสำคัญ ๓ ประเด็นคือ
๑๑.๑ นพ.จักรธรรมนอกจากไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรมแล้ว ยังไม่ได้สืบต่องานของ ผอ.พศ. คนเก่า แต่กลับสร้างปัญหา ต่อวงการพุทธศาสนา โดยเฉพาะกรณีการถวายฎีกาของหลวงตามหาบัว ที่อ้างว่า มส.ไม่มีอำนาจที่จะไปห้ามไม่ให้ยื่นฎีกาได้
๑๑.๒ ผลการสำรวจความเห็นของกรรมการ มส. และพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ เป็นห่วงการทำหน้าที่ของ ผอ.พศ.ในการบริหารงานต่างๆ ที่อาจไม่โปร่งใส เช่น กรณีแผนการใช้จ่ายด้าน ไอทีที่สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับงบประมาณจากรัฐบาลในปี ๒๕๔๘ จำนวน ๑๒๐ ล้านบาท โดยไม่มีการรายงานความคืบหน้า รวมถึงเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิ และการช่วยเหลือพระสงฆ์ใน ๓ จังหวัด ชายแดนภาคใต้
๑๑.๓ กรณี พศ.ให้สันติอโศกเข้ามาร่วมเป็นคณะทำงานจัดงานวันวิสาขบูชาโลกที่พุทธมณฑล โดยไม่ได้แจ้งให้ที่ประชุม มส. ทราบ ทั้งๆ ที่ ผอ.พศ.ไปร่วมประชุมกับฝ่ายจัดงานถึง ๓ ครั้ง ข้อสรุปส่วนใหญ่ตรงกันคือ การทำงานของ ผอ.พศ. คนปัจจุบันไม่สามารถ ประสานความเข้าใจที่ถูกต้องของหลักการดำเนินการของ มส. กับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้ จากการสำรวจความคิดเห็นชาวพุทธกว่า ๓๐๐ คน ที่มาร่วมประชุมกันครั้งล่าสุด ๙๗% ต้องการเปลี่ยนตัว ผอ.พศ. และให้รัฐบาลตราพระราชกฤษฎีกาสรรหา ผอ.พศ.เพื่อให้ได้บุคคลที่เข้าใจ และเข้าถึงแก่นพระพุทธศาสนาใน
ประเทศไทย
๑๒. การประชุม มส.เมื่อ ๒๐ เม.ย.๔๘ ที่ประชุมมีมติให้จัดงานวิสาขบูชาแบบเดิมเช่นที่เคยจัด

ข้อพิจารณา
๑. ในอดีตพุทธศาสนาเคยมีภัยจากศาสนาอื่น ทำให้เกือบสูญไปจากอินเดียซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด รวมถึงในดินแดนอื่นๆ อีกด้วย สาเหตุจากการรุกราน ของกองทัพมุสลิม ที่ฆ่าฟัน และเผาศาสนสถานสำคัญๆ เช่น มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา หรือการระเบิดทำลาย พระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผา ที่เมืองบามิยันในประเทศ อัฟกานิสถานโดยนักรบทาลีบันเป็นต้น และการกล่าวอ้างว่าพระพุทธเจ้า เป็นเพียง ภาคหนึ่งของพระนารายณ์อวตารลงมาเท่านั้น หรือเป็นเพียงผู้ประกาศของพระเยซูที่จะลงจากสวรรค์มาช่วยมนุษย์ในอนาคต ระยะเวลาที่ พุทธศาสนาตกต่ำนั้นมักเป็นช่วงที่ผู้ปกครองประเทศนับถือ ศาสนาอื่น และมีความเจริญรุ่งเรืองเมื่อได้กษัตริย์ที่ศรัทธา และนับถือพุทธศาสนา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งมีพระบรมราชานุญาต ให้บาทหลวงของศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่ ศาสนาในราชอาณาจักรได้ แต่พระองค์ยังทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกไม่ยอมเปลี่ยนไปนับถือคริสต์ ตามคำชวน ทำให้ฝรั่งเศสไม่ใช้ กำลังกับอยุธยาเหมือนเวียดนาม แต่ความใจกว้างของคณะสงฆ์และคนไทย และการละเลยการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน และการขาดการเรียนรู้พระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้า ส่งผลให้ความอ่อนแอของสังคมต่ออิทธิพลของโลกาภิวัตน์
๒. ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้พุทธศาสนาในประเทศไทยอ่อนแอลง เกิดจากความอ่อนแอของพุทธบริษัทสี่ ซึ่งได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดแล้วยังไม่เสด็จปรินิพพานตามคำขอของพญามาร ก็เพราะ พระองค์ยังไม่มั่นใจ ว่าพุทธบริษัท ๔ จะเรียนรู้ และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ได้อย่างเข้มแข็งแล้ว ตลอดจนสามารถแก้ข้อกล่าวหา ของศาสนาอื่นๆ ได้ถูกต้องด้วย ต่อเมื่อพระองค์ทรงมั่นพระทัยแล้วจึงได้ปลงอายุสังขาร ณ ปวาลเจดีย์ เมืองเวสาฬี ว่าจะเสด็จปรินิพพาน
ในอีก ๓ เดือนข้างหน้า กระทั่งวันที่พระองค์ จะเสด็จปรินิพพาน พระองค์ยังทรงเตือนสงฆ์ว่าอย่าอยู่ในความประมาท แต่ในปัจจุบัน ปรากฎข่าวพระภิกษุกระทำผิดพระวินัย อยู่เป็นประจำ ในหน้าหนังสือพิมพ์ ก่อให้เกิดการเสื่อมศรัทธาของฆราวาสทั่วไป เพราะว่า
๒.๑ พระสงฆ์ไทยไม่ขุดสนามเพลาะ(เคร่งครัดในพระธรรมวินัย) ไว้เตรียมต่อสู้ศัตรูจากภายนอก (ศาสนาอื่นๆ) และศัตรูจากภายใน (กิเลสตัณหา) ในขณะที่พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมักไม่ค่อยมีข่าวเสนอจากสื่อ ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปหันไปหา ทางเลือกใหม่ ที่มีภาพลักษณ์ดี เช่น เคร่งในการรักษาศีล(สำนักสันติอโศก) หรือเคร่งการปฏิบัติสมาธิ (วัดพระธรรมกาย) เป็นต้น โดยไม่รู้จริง ตามคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าดังปรากฎ ในพระไตรปิฎก
๒.๒ พระสงฆ์ไม่รบด้วยปัญญา (ด้วยการศึกษาทางปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ) ให้สามารถตอบโต้ธรรมะกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่นได้ ไม่เข้าถึงแก่นของพุทธศาสนา แต่ไปปฏิบัติที่มีแต่ศาสนพิธี หรือการปฏิบัติที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าสอน แม้แต่สตรีก็สามารถปฏิบัติธรรม ได้จนบรรลุขั้น โสดาบันโดยไม่ต้องบวชเป็นภิกษุณี ซึ่งขาดหายไปจากประเทศไทยนานแล้ว ตามพระวินัยแล้วไม่สามารถบวชภิกษุณีได้อีก มิใช่ข้อจำกัดทาง สิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด หากจะปฏิบัติด้วยปัญญาแล้วก็คงไม่ต้องดิ้นรนออกบวชตามกระแสสิทธิเท่าเทียมกับชาย แต่อย่างใด
๒.๓ การเผยแพร่พระพุทธศาสนาของสงฆ์ไทย นอกจากจะไม่ค่อยเข้าถึงดินแดนชายขอบประเทศที่เป็นชนเผ่ากลุ่มน้อย ขณะที่ศาสนาอื่นๆ กำลังรุกคืบเข้าเผยแพร่ศาสนาของเขาด้วยวิธีการต่างๆ แล้ว สงฆ์ไทยยังไม่สามารถจะรักษาพื้นที่เดิมที่นับถือพุทธศาสนา อยู่แล้ว และรักษาให้มั่นคง สืบต่อไปได้อีก
๒.๔ สงฆ์ไทยหันไปเสพสุขมากกว่าการเป็นผู้นำทางศาสนาและชุมชนเหมือนในอดีต เช่น ติดยึดในสิ่งอำนวยความสะดวก เหมือนฆราวาส ขาดการสำรวม หรือสันโดษ หันไปสร้างถาวรวัตถุมากกว่าการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ หวังโลกธรรมอันได้แก่ ยศ สรรเสริญ สุข และลาภสักการะทั้งหลาย
๓. ความเข้มแข็งของพุทธบริษัท ๔ นั้นต้องได้รับภูมิคุ้มกัน ปกป้อง และส่งเสริมจากอำนาจรัฐ ดังสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ประมาณ พ.ศ.๒๐๐ พุทธศาสนารุ่งเรืองมาก และเผยแพร่ออกจากเมืองปาตาลีบุตรไป ๑๐ ทิศทาง และมาถึงแดนสุวรรณภูมิโดยพระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ แต่ผู้มีอำนาจของไทยในปัจจุบันถือได้ว่ามีความรู้ทางพุทธศาสนาน้อยมาก แต่อาจจะมีเจตนาที่ดี ดังผลงานที่ผ่านมา เช่น
๓.๑ คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญตามกระแสสิทธิมนุษยชน ได้ตัดข้อความ ?พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ? ออกไปด้วยเกรง กระทบกระเทือน ศาสนิกชนอื่นๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงความมั่นคงทางศาสนาที่รัฐต้องคุ้มครอง และส่งเสริมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๓ แม้แต่ รัฐธรรมนูญของมาเลเซีย มาตรา ๓ ยังระบุไว้ว่า มาเลเซียเป็นรัฐอิสลาม มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำสหพันธรัฐ การหารือ หรือปฏิบัติ ศาสนกิจกระทำได้ แต่ต้องอยู่ในความสงบ
๓.๒ พระอิสระมุนีเคยถูกขับออกจากสำนักหลวงปู่ชา สุภทฺโท อ.วารินชำราบ เพราะไม่ปฏิบัติตามครูบาอาจารย์ และต่อมามีเรื่อง มัวหมอง เรื่องสีกาและหลบหนีไปไม่ยอมสึกจากสมณเพศ
๓.๓ นักการเมืองกลุ่มหนึ่งได้นำที่ธรณีสงฆ์มาจัดสรรทำหมู่บ้าน และสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์ทด้วยวิธีการอันซับซ้อน ทั้งๆ ที่การเวนคืนที่ธรณีสงฆ์จะต้องมีการทำผาติกรรมใช้คืนแก่วัดเพื่อไม่ให้เป็นบาป และกรณีนี้ไม่มีอายุความสามารถนำมาพิจารณาอีก ได้เสมอ แต่ในร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ..............ที่สามารถประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษได้ง่ายโดยพระราชกฤษฎีกา และมีอำนาจยกเว้นอำนาจของกฎหมาย อื่น ๆ ได้กว้างขวาง ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการใช้ที่ดินของคณะสงฆ์ได้นานถึง ๙๙ ปี ชาวพุทธมีความรู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจในร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ด้วยเกรงว่า จะใช้อำนาจของคณะผู้บริหารเขตเศรษฐกิจจำนวนน้อย มายึดที่ดินธรณีสงฆ์ไป
๓.๔ การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติคนปัจจุบัน คือ นายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์ โดยไม่ได้รับ ความเห็นชอบ จากมหาเถรสมาคม และไม่มีความเหมาะสมต่อหน้าที่เลขาธิการมหาเถรสมาคม ซึ่งต้องเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิบัติต่างๆ แทนมหาเถรสมาคม ปัจจุบันชาวพุทธส่วนใหญ่ต้องการให้เปลี่ยนตัวผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ เพราะทำให้องค์กร ขาดประสิทธิภาพ
๓.๕ การจัดการทำบุญก่อนวันสงกรานต์อย่างสมานฉันท์ร่วมกันทุกศาสนา โดยปกติพิธีการในอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น ทุกปีจะมีพระสงฆ์หลายรูปเกือบเต็มพระอุโบสถ แต่การจัดสถานที่ในปีนี้ มีพระสงฆ์เพียงไม่กี่รูป นอกนั้น กลับเป็นคณะรัฐมนตรีและคู่สมรสเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพระชั้นผู้ใหญ่ระดับกรรมการเถรสมาคมที่สวด ให้เป็นมงคลกลับต้องนั่งอยู่ภายนอก ระเบียงพระอุโบสถซึ่งอยู่ต่ำกว่าในพระอุโบสถเกือบ ๒ เมตร นับว่าไม่ได้ให้เกียรติแก่พระสงฆ์ และไม่ยกย่องศาสนา แต่ต้องการเพียง จัดฉากให้ภาพสวย โดยเอาศาสนาบังหน้าเท่านั้น นอกจากนี้พิธีที่สวนอัมพร ผู้จัดพิธีการ กลับให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธาน ในพิธียืนอยู่กับที่ และให้ผู้นำทางศาสนาต่างๆ รวมทั้งสมเด็จผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จสังฆราช เดินไปมอบวัตถุที่เป็นมงคลแก่ประธานฯ และรับของที่ระลึกจากประธานฯ ซึ่งผิดธรรมเนียมที่ควรปฏิบัติ แม้แต่พระมหากษัตริย์ยังทรงเสด็จพระราชดำเนิน ไปถวายของแด่พระที่มี สมณศักดิ์ชั้นสมเด็จขึ้นไป
๓.๖ การมอบหมายให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นศิษย์เอกของสำนักสันติอโศกให้เป็นประธานในการจัดงานวิสาขบูชา ที่พุทธมณฑลนั้น แสดงว่าองค์กรอิสระมีความสามารถ หรือเหมาะสมมากกว่าสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือมหาเถรสมาคม ในการจัดงานที่เคยทำทุกปี แต่เป็นการไม่เหมาะสมที่องค์กรที่รับผิดชอบหลักไม่ได้รับการประสาน หรือขอรับความเห็นชอบก่อนที่จะออก คำสั่งให้เป็นคณะกรรมการที่ปรึกษา และกรรมการดำเนินงาน ทั้งที่พุทธมณฑลอยู่ในความรับผิดชอบของมหาเถรสมาคม และสำนัก พุทธศาสนาแห่งชาติ ถ้ามองในแง่ร้ายอาจจะมอง ได้ว่าส่งเสริมสนับสนุนให้สำนักสันติอโศกที่ไม่ได้อยู่ในคณะสงฆ์ไทย มายึดพุทธมณฑล เพื่อจัดกิจกรรมในระยะยาว ทางทหารเรียกว่าถูกตีที่จุดศูนย์ดุล (Center of Gravity) ที่ทำให้พ่ายแพ้สงครามได้ ทั้งนี้มีคณะกรรมการ หลายท่านที่สังกัดสำนักสันติอโศก
๓.๗ การที่อ้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๓๘ ที่ให้สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาไม่ว่าจะเป็นนิกายใดนั้น ความจริง ก็ไม่มีใครไปห้ามการปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาหรือนิกายใดๆ แต่ควรอยู่ในบริเวณของตน และการร่วมงานของกลุ่ม พุทธศาสนิกชนนิกายต่างๆ ก็เคยร่วมจัดงานที่สนามหลวงมาแล้ว เพราะเป็นสถานที่จัดงานรวมที่มหาเถรสมาคมเป็นเจ้าภาพดำเนินการ แต่การใช้พุทธมณฑลโดยไม่บอกกล่าว มส.ก่อน ถือว่าไม่ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นสมบัติส่วนรวมก็ตาม การอ้างมาตรา ๓๘ ขึ้นมาก็เพื่อ เปิดทางให้สำนักสันติอโศกได้เข้ามาใช้พื้นที่พุทธมณฑล ในการทำกิจกรรม และยึดพุทธมณฑลในที่สุด ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นแผน ทำลายพุทธศาสนาในระยะยาว ทำให้เกิดการแบ่งแยกออกเป็นนิกายต่างๆ ลัทธิที่มีอยู่จะแยกตัวเป็นอิสระทั้งหมด วิธีแก้ปัญหาคือต้อง ทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ถือเป็นการแข็งข้อกับ มส. ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ ต่อไป มส.มีมติอะไรจะไม่มีผู้ใดปฏิบัติตามเป็นลูกระเบิดที่ใหญ่มาก ในอดีตเมื่อมีความขัดแย้งในเรื่องพระธรรมวินัย พระเจ้าแผ่นดิน จะรีบดำเนินการให้ภิกษุผู้บรรลุอรหันต์ทำสังคายนาให้ได้ข้อยุติว่าคำสอนหรือวินัยที่ถูกต้องเป็นอย่างไร และให้จารึกไว้ รวมทั้งจัดการลงโทษ หรือให้ภิกษุที่ไม่ได้มาตรฐานสึกพ้นความเป็นสงฆ์ไป ประเด็นนี้ผู้มีอำนาจรัฐควรนำไปปฏิบัติ โดยยึดถือภาระหน้าที่ตามมาตรา ๗๓ ในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยด้วย
๔. พฤติกรรมของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในการนำภิกษุสงฆ์จากสำนักต่างๆ ประมาณ ๕,๐๐๐ รูป ไปเดินขบวนต่อต้านการพิจารณา ของ กลต. ในการนำหุ้นของเบียร์ตราช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น แม้จะได้รับความร่วมมือจากองค์กรแนวร่วมอื่นๆ จำนวนมาก แต่ก็เป็นการผิดพระวินัยของสงฆ์ และคำสั่งของมหาเถรสมาคม พ.ศ.๒๕๓๘ เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งระบุว่า ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมชุมนุมในการเรียกร้อง สิทธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ ทั้งนี้บริษัทเบียร์ช้างไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ของบ้านเมือง ไม่ใช่หน้าที่ของสงฆ์ที่จะเข้าไปแทรงแซงกิจการของบริษัท เพราะถ้าทำให้บริษัทเสียทรัพย์สินหรือโอกาสที่จะได้ทรัพย์สิน ไปแม้แต่ ๑ บาทเท่านั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้ผิดพระวินัยถึงขั้นปราชิกได้ แสดงว่า พล.ต.จำลอง ไม่เคร่งครัดพระธรรมวินัยจริงตามที่ สำนักสันติอโศกอ้าง นอกจากจะเป็นการอวดอ้างพระธรรมวินัยที่เรียกว่า สีลลัพพตปรามาส แล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เป็นเพียงหมาก ทางการเมืองเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของ พล.ต.จำลองเองว่าดูเหมาะสมในการเป็นผู้นำในการรณรงค์ด้านคุณธรรม ของชาติ หรืออาจ แอบแฝงตัดกำลังไม่ให้กลุ่มเบียร์ช้าง ซึ่งเป็นกลางทางการเมืองในขณะนี้ สามารถสร้างฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งจนมาเป็นคู่แข่ง ของพรรคไทยรักไทยในอนาคตได้นั่นเอง
๕. ในขณะที่ศาสนาพุทธมีความอ่อนแอในขณะนี้ ศาสนาอิสลามในประเทศไทยก็ได้ใช้สถานการณ์ทางการเมืองออก พ.ร.บ.บริหารองค์การ ศาสนาอิสลาม พ.ศ.๒๕๔๐ เพื่อให้เกื้อกูลต่อการขยายศาสนาอิสลาม และมีการอพยพชาวมุสลิม ไปอาศัยอยู่ในทุกจังหวัดของประเทศไทย และหาเสียง กับชาวบ้านด้วยการนำเลือด และเครื่องในสัตว์ที่พวกมุสลิมฆ่าขายไปให้ฟรี โดยเฉพาะภาคอิสานเนื่องจากมุสลิมไม่กินสิ่งเหล่านี้ เพราะโองการของอัลเลาะห์ สั่งว่า บุคคลใดที่กินเลือดและเครื่องในสัตว์ จะต้องตกนรก ส่งผลให้มุสลิมได้รับเสียงเลือกตั้งจากชาวอิสานให้เป็นผู้แทนราษฎร หรือนักการเมืองท้องถิ่น จำนวนหลายคน และถ้าพวกเขาสามารถสร้างมัสยิดในแต่ละจังหวัดได้ ๓ หลังแล้ว จังหวัดนั้นจะต้องมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตามกฎหมาย ดังกล่าว โดยส่งผลกระทบให้การตกลงใจของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นจะต้องหารือ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดก่อนในเรื่อง ที่เกี่ยวข้อง กับชุมชนมุสลิมในจังหวัด เช่น รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญซึ่งเป็นมุสลิม ได้เปลี่ยนโรงเรียนวัดใน กทม. จาก ร.ร.วิถีพุทธ เป็น ร.ร.วิถีธรรม ซึ่งดำเนินการไปแล้ว ๒ วัด คือ วัดราชคฤห์ และวัดคฤหบดี และที่น่าเป็นห่วงคือที่วัดมหาธาตุกำลังต่อสู้กันในศาล เพื่อจะนำไปทำที่ละหมาด แต่นักการเมืองชาวพุทธที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก หาได้เร่งออกกฎหมายเช่นเดียวกันเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด แต่กลับอาศัยวัดหารายได้เข้ากระเป๋าตนเอง แม้แต่วิชา พระพุทธศาสนาในโรงเรียนก็เป็นเพียงวิชาเลือกเสรีเท่านั้น มิใช่วิชาบังคับ ซึ่งต่างจากมุสลิมที่บังคับให้เรียนศาสนาทุกคน และนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันด้วย
๖. นอกจากนี้ชาวมุสลิมยังอาศัยมาตรา ๗๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ ออกกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยการ ประกอบพิธีฮัจห์ ที่รัฐต้องสนับสนุนงบประมาณ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการบริหารสำนักงาน พิธีฮัจห์ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยธนาคารอิสลาม ซึ่งระบุว่าผู้จัดการต้องเป็นมุสลิมเท่านั้น อาจเกิดช่องว่างในการฟอกเงินจากต่างชาติก็ได้
๗. ศาสนาพุทธจะเจริญรุ่งเรืองได้ ต้องเกิดจากการปฏิบัติของพุทธบริษัทสี่ในชีวิตประจำวัน ตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ตามหลักไตรสิกขา ศีล สมาธิ และปัญญา ตามแนวทางมรรคมีองค์แปด หรือการบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ที่สามารถย่อเหลือหลัก ๓ ประการ ได้แก่ ทาน ศีล และภาวนา นั่นคือพุทธศาสนิกชนต้องเรียนรู้คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าตามพระไตรปิฎก(ปริยัติ) และนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน (ปฏิบัติ) เพื่อบรรลุผลสูงสุดในอนาคต (ปฏิเวธ) โดยพยายามลด ละ เลิกกิเลสตัณหา และอุปาทานให้
มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็จะเกิดสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว ซึ่งจะส่งผลให้สังคมไทยสงบสุขอย่างแท้จริง
๘. บทบาทของทหารทางศาสนา โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมในกองทัพบกยังมีโครงการอบรมสมาธิที่วัดอัมพวันมาโดยต่อเนื่อง แต่ยังมีข้อควรปรับปรุงอีก เช่น การมีบทบาทนำของผู้นำระดับสูงในการปฏิบัติธรรม หรือการฟังธรรม การกล่าวคำอาราธณาศีล อาราธณาธรรม หรือการกล่าวนำในการถวายสังฆทาน หรือผ้าพระกฐินเป็นต้น ที่ผู้นำทางทหารควรกล่าวได้เอง และปฏิบัติตน เป็นแบบอย่าง ซึ่งจะก่อให้เกิดศรัทธา ต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และสาธารณชนทั่วไปด้วย นอกจากนี้ กองทัพควรมีบทบาทในการ ให้การศึกษาอบรมพระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง ตามแนวทางเถรวาทของไทย เพื่อที่กองทัพจะได้เป็นหลักในการจรรโลง พระพุทธศาสนาสืบแทนองค์กรอื่นที่กำลังอ่อนแอ

ข้อเสนอแนะ
ควรใช้หน่วยกิจการพลเรือน หน่วยปฏิบัติการจิตวิทยา และหน่วยประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของกองทัพที่มีอยู่ จัดทำแผนงาน ส่งเสริมการศึกษาธรรมะ และการปฏิบัติธรรมของกำลังพล และครอบครัว เพื่อให้เข้าใจแก่นแท้ของพุทธศาสนาจน สามารถนำไปปฏิบัติ ในชีวิตประจำวันได้โดยถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยนจากแนวสอนของพุทธศาสนาแบบเถรวาท เฝ้าระวังภัยคุกคามทางศาสนาซึ่งอาจทำให้ สังคมไทยล่มสลาย ควบคู่ไปพร้อม ๆ กับภัยคุกคามใหม่ ๆ ด้านอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อกำลังพล หรือการปฏิบัติการของกองทัพ กระตุ้นให้กำลังพลมีส่วนร่วมในการป้องกันภัยคุกคามทางศาสนา และแสดงความคิดเห็น หรือประชามติต่อรัฐบาล เพื่อให้เกิด การคุ้มครอง และส่งเสริมพุทธศาสนาอย่างเป็นรูปธรรมตามมาตรา ๗๓ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย
กองทัพควรเป็นตัวอย่างแก่ประชาชนทั่วไปด้วยการร่วมงานในวันสำคัญต่างๆ ของพุทธศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา ฯลฯ ส่งเสริมให้กำลังพล ที่เคร่งครัดปฏิบัติธรรมได้ดำรงตำแหน่งสำคัญของกองทัพ ไม่ใช้ระบบอุปถัมภ์มากกว่าระบบคุณธรรม เน้นย้ำให้ กำลังพลของกองทัพทำบุญ หรือสนับสนุน เกื้อกูลต่อภิกษุและสามเณรที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และร่วมมือร่วมใจกันกำจัด เดียรถีย์ออกจากพุทธศาสนา และชี้แจงให้ทราบบาปที่เกิดจากการยุยง ให้คณะสงฆ์เกิดความแตกแยกว่ารุนแรงเพียงใด จะได้หยุด การกระทำเช่นนั้นเสีย และรู้ทันการยุงยงจากบุคคลเหล่านั้น

จุดยืนและบทบาทของพุทธศาสนาในประเทศไทย
,http://www.chinnabut.com/forum/index.php?topic=117.0 3 ก.ย.2553,10.41น.
คุรุธรรม

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปัญหาและเฉลยวิชาอุโบสถศีล (วินัย) ธรรมศึกษาชั้นโทพ.ศ. ๒๕๕๐

๑. ชาวพุทธ ควรยึดถืออะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึก ?
ก. ไตรสรณคมน์ ข. ไตรปิฎก
ค. ไตรลักษณ์ ง. ไตรสิกขา
คำตอบ : ก
๒. สรณคมน์ หมายถึงอะไร ?
ก. ขอพร ข. ขอให้คุ้มครอง
ค. บนบาน ง. ทำตามคำสอน
คำตอบ : ง
๓. ข้อใด ไม่นับเข้าในสรณะทั้ง ๓ ?
ก. พระพุทธเจ้า ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์ ง. พระโพธิสัตว์
คำตอบ : ง
๔. สรณคมน์ขาดเพราะสาเหตุใด ไม่มีโทษ ?
ก. ความตาย ข. ทำร้ายพระศาสดา
ค. ไปนับถือศาสดาอื่น ง. ไม่มีข้อใดถูก
คำตอบ : ก
๕. ความเชื่อเช่นไร เป็นเหตุให้สรณคมน์เศร้าหมอง ?
ก. เชื่อกรรม ข. เชื่อบาปบุญ
ค. เชื่อมงคลตื่นข่าว ง. เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ
คำตอบ : ค
๖. จุดประสงค์ในการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ตรงกับข้อใด ?
ก. ทำบุญเพื่อล้างบาป ข. ทำบุญแสวงหาลาภ
ค. หาเช่าจตุคามรุ่นนิยม ง. ปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลส
คำตอบ : ง
๗. การขาดสรณคมน์ เกิดขึ้นได้แก่บุคคลใด ?
ก. บุคคลทั่วไป ข. โสดาบันบุคคล
ค. สกทาคามีบุคคล ง. อนาคามีบุคคล
คำตอบ : ก
๘. “สุปปพุทธกุฏฐิ” เป็นแบบอย่างของบุคคลผู้มั่นคงในเรื่องใด ?
ก. การถือศีล ข. การถือสันโดษ
ค. การถือสัจจะ ง. การถือสรณคมน์
คำตอบ : ง
๙. ตัดเศียรพระพุทธรูป เป็นความเศร้าหมองแห่งสรณคมน์เรื่องใด ?
ก. ความไม่รู้ ข. ความรู้ผิด
ค. ความสงสัย ง. ความไม่เอื้อเฟื้อ
คำตอบ : ง
๑๐. “นรกมีจริงหรือ” เป็นความเศร้าหมองแห่งสรณคมน์เรื่องใด ?
ก. ความไม่รู้ ข. ความรู้ผิด
ค. ความสงสัย ง. ความไม่เอื้อเฟื้อ
คำตอบ : ค
๑๑. “ผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัย” หมายเฉพาะใคร ?
ก. ภิกษุ ภิกษุณี ข. สามเณร สามเณรี
ค. อุบาสก อุบาสิกา ง. พุทธบริษัททั้ง ๔
คำตอบ : ค
๑๒. พาณิชสองพี่น้องเข้าถึงพระรัตนตรัยด้วยวิธีใด ?
ก. สมาทาน ข. มอบตนเป็นสาวก
ค. ถวายชีวิต ง. แสดงความเลื่อมใส
คำตอบ : ก
๑๓. ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นความหมายของข้อใด ?
ก. พระพุทธ ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์ ง. พระอริยะ
คำตอบ : ก

๑๔. คำว่า ธรรมรักษา ในความหมายของสรณะ ๓ ตรงกับข้อใด ?
ก. กำจัดภัย ข. ไม่ให้ตกอบาย
ค. เป็นเนื้อนาบุญ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ข
๑๕. พระสงฆ์ได้นามว่า สังฆะ เพราะเหตุใด ?
ก. บวชในพระพุทธศาสนา
ข. มีทิฏฐิและศีลเสมอกัน
ค. อาศัยอยู่ในวัดเดียวกัน
ง. โกนผมห่มจีวรเหมือนกัน
คำตอบ : ข
๑๖. คำเปล่งวาจาว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ หมายถึงอะไร ?
ก. มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ข. มีพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ค. มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก
ง. มีพระพรหมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
คำตอบ : ค
๑๗. การรักษาอุโบสถศีลในพระพุทธศาสนา มีต้นเหตุมาจากใคร ?
ก. พระเจ้าสุทโธทนะ ข. พระเจ้าพิมพิสาร
ค. พระเจ้าปเสนทิโกศล ง. พระเจ้าอชาตศัตรู
คำตอบ : ข
๑๘. คำว่า อุโบสถ แปลว่าอะไร ?
ก. การเข้าจำ ข. การจำพรรษา
ค. การปฏิบัติธรรม ง. การอดอาหาร
คำตอบ : ก
๑๙. อุโบสถเริ่มปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยใด ?
ก. ก่อนพุทธกาล ข. สมัยพุทธกาล
ค. กึ่งพุทธกาล ง. หลังพุทธกาล
คำตอบ : ก
๒๐. อุโบสถประกอบด้วยสรณะและองค์ ๘ เกิดขึ้นในสมัยใด ?
ก. ก่อนพุทธกาล ข. สมัยพุทธกาล
ค. กึ่งพุทธกาล ง. หลังพุทธกาล
คำตอบ : ค
๒๑. อุโบสถศีล บัญญัติขึ้นสำหรับใคร ?
ก. ภิกษุ ข. ภิกษุณี
ค. คนทั่วไป ง. อุบาสก อุบาสิกา
คำตอบ : ง
๒๒. อุโบสถศีลต่างจากศีล ๕ อย่างไร ?
ก. มีกำหนดเวลารักษา
ข. ไม่มีกำหนดเวลารักษา
ค. เป็นพื้นฐานของมนุษย์
ง. เป็นบัญญัติชอบธรรม
คำตอบ : ก
๒๓. อาการเช่นไร เรียกว่ารักษาอุโบสถศีล ?
ก. การถือศีลกินเจ ข. การถือไม่พูดกับใคร
ค. การงดเว้นข้อห้าม ง. การงดเหล้าเข้าพรรษา
คำตอบ : ค
๒๔. การสมาทานอุโบสถศีล ข้อใดกล่าวถูกต้อง ?
ก. สมาทานในวันใดก็ได้
ข. สมาทานกับใครก็ได้
ค. สมาทานต่อหน้าพระสงฆ์
ง. สมาทานตามวันที่กำหนด
คำตอบ : ง
๒๕. สิกขาบทที่ ๓ แห่งอุโบสถศีล ว่าอย่างไร ?
ก. ปาณาติปาตา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ข. อพฺรหฺมจริยา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ค. มุสาวาทา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ง. วิกาลโภชนา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
คำตอบ : ข
๒๖. ผู้สมาทานอุโบสถศีลข้อที่ ๓ พึงงดเว้นการกระทำในเรื่องใด ?
ก. การล่วงประเวณี ข. การพูดเท็จ
ค. การดื่มสุราเมรัย ง. การกินอาหาร
คำตอบ : ก
๒๗. อุโบสถศีลข้อที่ ๔ บัญญัติขึ้นเพื่อให้ผู้รักษาเป็นคนเช่นไร ?
ก. ขยัน ข. ประหยัด
ค. ซื่อสัตย์ ง. อดทน
คำตอบ : ค
๒๘. ปลาหมอตายเพราะปาก มีความหมายตรงกับข้อใด
ก. พูดเท็จ ข. ดื่มน้ำเมา
ค. บริโภคอาหาร ง. ขับร้องเพลง
คำตอบ : ก
๒๙. ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบทคือเว้นจากพูดเท็จ ตรงกับศีลข้อใด ?
ก. ข้อ ๑ ข. ข้อ ๒
ค. ข้อ ๓ ง. ข้อ ๔
คำตอบ : ง
๓๐. สมาทานอุโบสถศีล แต่บริโภคอาหารค่ำ ชื่อว่าละเมิดศีลข้อใด ?
ก. ข้อ ๓ ข. ข้อ ๔
ค. ข้อ ๕ ง. ข้อ ๖
คำตอบ : ง
๓๑. คำว่า “วิกาล” ในอุโบสถศีล กำหนดไว้อย่างไร ?
ก. เช้าถึงเที่ยง ข. เช้าถึงบ่าย
ค. เช้าถึงเย็น ง. เที่ยงถึงอรุณขึ้น
คำตอบ : ง
๓๒. ประโยชน์ของการรักษาอุโบสถศีลข้อที่ ๖ ตรงกับข้อใด ?
ก. เพื่อทรมานกิเลส ข. เพื่อทรมานสังขาร
ค. เพื่อตัดความกังวล ง. เพื่อความประหยัด
คำตอบ : ค
๓๓. เพลงเช่นไร ไม่ถือว่าเป็นข้าศึกแก่การรักษาอุโบสถศีล ?
ก. เพลงลูกทุ่ง ข. เพลงเพื่อชีวิต
ค. เพลงธรรมะ ง. เพลงละครทีวี
คำตอบ : ค
๓๔. การเว้นจากการลูบไล้ทาเครื่องย้อมเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย ชื่อว่ารักษาอุโบสถศีลข้อใด ?

ก. ข้อ ๕ ข. ข้อ ๖
ค. ข้อ ๗ ง. ข้อ ๘
คำตอบ : ค
๓๕. ที่นั่งที่นอนเช่นไร อนุโลมแก่ผู้รักษาอุโบสถศีล ?
ก. ที่นั่งที่นอนสูง ข. ที่นั่งที่นอนใหญ่
ค. ที่นั่งที่นอนยัดนุ่น ง. ที่นั่งที่นอนยัดขนแกะ
คำตอบ : ง
๓๖. ข้อใด ไม่นับเข้าในอุโบสถศีลอันประกอบด้วยองค์ ๘ ?
ก. ไม่ลักของผู้อื่น ข. ไม่พูดเท็จ
ค. ไม่ดูการละเล่น ง. ไม่จับเงินทอง
คำตอบ : ง
๓๗. อุโบสถศีลที่รักษาเฉพาะวันหนึ่งคืนหนึ่ง ตรงกับข้อใด ?
ก. ปกติอุโบสถ ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. ปาฏิหาริยอุโบสถ ง. โคปาลกอุโบสถ
คำตอบ : ก
๓๘. การถือศีลอุโบสถ ปล่อยวันคืนให้ผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ทำความดี อะไรเลย จัดเป็นอุโบสถประเภทใด ?
ก. ปกติอุโบสถ ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. ปาฏิหาริยอุโบสถ ง. โคปาลกอุโบสถ
คำตอบ : ง
๓๙. การรักษาอุโบสถประเภทใด เทียบเคียงได้กับการจำพรรษาของพระภิกษุ ในช่วงฤดูฝน ?
ก. ปกติอุโบสถ ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. อริยอุโบสถ ง. ปาฏิหาริยอุโบสถ
คำตอบ : ง
๔๐. วันรับ วันรักษา วันส่ง มีความเกี่ยวข้องกับอุโบสถประเภทใด ?
ก. ปกติอุโบสถ ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. ปาฏิหาริยอุโบสถ ง. โคปาลกอุโบสถ
คำตอบ : ข
๔๑. อุโบสถของนักบวชนอกพระพุทธศาสนา ตรงกับข้อใด ?
ก. ปฏิชาครอุโบสถ ข. ปาฏิหาริยอุโบสถ
ค. นิคคัณฐอุโบสถ ง. โคปาลกอุโบสถ
คำตอบ : ค
๔๒. ผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีล พึงปฏิบัติตนอย่างไร ?
ก. บริจาคทาน ข. รักษาศีล
ค. เจริญภาวนา ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๔๓. การสมาทานอุโบสถศีล กำหนดให้สมาทานที่ไหน
ก. ที่วัด ข. ที่บ้าน
ค. ที่โรงพยาบาล ง. ที่ไหนก็ได้
คำตอบ : ง
๔๔. อัฏฐมีดิถี ในคำประกาศอุโบสถศีล หมายถึงวันใด ?
ก. วัน ๗ ค่ำ ข. วัน ๘ ค่ำ
ค. วัน ๑๔ ค่ำ ง. วัน ๑๕ ค่ำ
คำตอบ : ข
๔๕. การรักษาอุโบสถศีล ชื่อว่าปฏิบัติตามหลักธรรมหมวดใด ?
ก. บุญกิริยาวัตถุ ข. สังคหวัตถุ
ค. พรหมวิหาร ง. สติปัฏฐาน
คำตอบ : ก
๔๖. การรักษาอุโบสถศีล จะสิ้นสุดลงในเวลาใด ?
ก. เมื่อเลิกรักษา ข. เมื่อพ้นกำหนด
ค. เมื่อเจ็บป่วย ง. เมื่อมีญาติตาย
คำตอบ : ข
๔๗. การรักษาอุโบสถศีล จัดอยู่ในศาสนพิธีประเภทใด
ก. กุศลพิธี ข. บุญพิธี
ค. ทานพิธี ง. ปกิณกะ
คำตอบ : ก
๔๘. ข้อใด ไม่เกี่ยวข้องกับระเบียบพิธีในการรักษาอุโบสถศีล ?
ก. ประกาศองค์อุโบสถ ข. อาราธนาศีล
ค. อาราธนาธรรม ง. สมาทานศีล
คำตอบ : ค
๔๙. การรักษาอุโบสถศีล จัดเข้าในไตรสิกขาข้อใด ?
ก. ศีล ข. สมาธิ
ค. ปัญญา ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ก
๕๐. อุโบสถศีลที่รักษาดีแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์สูงสุดในข้อใด ?
ก. โภคสมบัติ ข. มนุษยสมบัติ
ค. สวรรคสมบัติ ง. นิพพานสมบัติ
คำตอบ : ง
เฉลยโดยแม่กองธรรมสนามหลวง
คุรุธรรม

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ ธรรมศึกษาชั้นโทปี พ.ศ.๒๕๕๐

๑. ประวัติของผู้บวชตาม ปฏิบัติตาม รู้ตาม หมายถึงข้อใด ?
ก. พุทธประวัติ ข. อนุพุทธประวัติ
ค. พุทธานุพุทธประวัติ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ข
๒. พระธรรมเทศนาใด โกณฑัญญะฟังแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม ?
ก. อนุปุพพีกถา ข. ธัมมจักกัปวัตตนสูตร
ค. อนัตตลักขณสูตร ง. อาทิตตปริยายสูตร
คำตอบ : ข
๓. พระมหาบุรุษทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา เพราะเหตุใด ?
ก. ปัญจวัคคีย์ขอให้เลิก ข. ปัญจวัคคีย์หนีไป
ค. รู้ว่าไม่ใช่ทางตรัสรู้ ง. บรรลุธรรมแล้ว
คำตอบ : ค
๔. ปัญจวัคคีย์ อยู่เฝ้าอุปัฏฐากพระมหาบุรุษกี่ปี ?
ก. ๒ ปี ข. ๓ ปี
ค. ๕ ปี ง. ๖ ปี
คำตอบ : ง
๕. ใครออกบวชพร้อมกับโกณฑัญญะ ?
ก. กิมพิละ ข. ภคุ
ค. อัสสชิ ง. ควัมปติ
คำตอบ : ค
๖. ข้อใด ไม่ได้เกิดขึ้นที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ?
ก. ปฐมพรรษา ข. ปฐมเทศนา
ค. ปฐมสาวิกา ง. ปฐมสาวก
คำตอบ : ค
๗. พระสงฆ์เกิดขึ้นในโลกครั้งแรก ตรงกับวันอะไร ?
ก. วันมาฆบูชา ข. วันวิสาขบูชา
ค. วันอัฏฐมีบูชา ง. วันอาสาฬหบูชา
คำตอบ : ง
๘. พระยสะ ออกบวชเพราะเหตุใด ?
ก. เกิดศรัทธา ข. ถูกบังคับ
ค. เพื่อนชวน ง. เกิดความเบื่อหน่าย
คำตอบ : ง
๙. ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง... เป็นคำพูดของใคร ?
ก. พระพุทธเจ้า ข. พระยสะ
ค. พระสารีบุตร ง. พระอานนท์
คำตอบ : ก
๑๐. ข้อใด กล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพระยสะ ?
ก. สหาย ๕๔ บวชตาม ข. ขอบวชต่อบิดามารดา
ค. บิดาเป็นอุบาสกคนแรก ง. ได้ฟังอนุปุพพีกถา
คำตอบ : ข
๑๑. พระอุรุเวลกัสสปะ เป็นชาวเมืองไหน ?
ก. ราชคฤห์ ข. สาวัตถี
ค. นาลันทา ง. คยาสีสะ
คำตอบ : ง
๑๒. พระอุรุเวลกัสสปะขอบวชในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ?
ก. ได้เห็นอภินิหาร ข. ถูกทรมานด้วยฤทธิ์
ค. ถูกขอร้องให้บวช ง. ลัทธิตนไม่มีแก่นสาร
คำตอบ : ง
๑๓. ข้อใด ไม่ใช่คุณสมบัติพื้นฐานของชฎิล ๓ พี่น้อง ?
ก. มีชีวิตคู่มาก่อน ข. เป็นนักบวชชฎิลมาก่อน
ค. จบไตรเพทมาก่อน ง. เป็นหัวหน้าชฎิลมาก่อน
คำตอบ : ก
๑๔. ภาวะโลกร้อนกำลังเป็นปัญหาอย่างหนัก ส่วนสภาวธรรมที่เป็นของร้อน
ปรากฏในพระสูตรไหน ?
ก. เวทนาปริคคหสูตร ข. อาทิตตปริยายสูตร
ค. อนัตตลักขณสูตร ง. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
คำตอบ : ข
๑๕. ใครเป็นทั้งมิตรแท้ เป็นทั้งอาจารย์ของโกลิตะ ?
ก พระอัสสชิ ข. อุปติสสะ
ค. พาวรี ง. สัญชัย
คำตอบ : ข
๑๖. สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจหมด ใครพูด ?
ก. อุปติสสปริพาชก ข. โกลิตปริพาชก
ค. สุภัททปริพาชก ง. ทีฆนขปริพาชก
คำตอบ : ง
๑๗. อุปติสสะกับพระสารีบุตร เกี่ยวข้องกันอย่างไร ?
ก. อุปติสสะเป็นพี่ ข. พระสารีบุตรเป็นพี่
ค. เป็นคนเดียวกัน ง. เป็นเพื่อนกัน
คำตอบ : ค
๑๘. หลังจากบวชได้ ๗ วัน เกิดอะไรขึ้นแก่พระโมคคัลลานะ ?
ก. คิดถึงบ้านเกิด ข. ใจท้อแท้หดหู่
ค. เกิดความเบื่อหน่าย ง. อ่อนใจโงกง่วง
คำตอบ : ง
๑๙. ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นพระธรรมราชา คือใคร ?
ก. พระพุทธเจ้า ข. พระสารีบุตร
ค. พระอานนท์ ง. พระมหากัสสปะ
คำตอบ : ก
๒๐. พระสาวกรูปใด ชอบอยู่ป่าปฏิบัติกัมมัฏฐาน ?
ก. พระอุรุเวลกัสสปะ ข. พระโมคคัลลานะ
ค. พระมหากัสสปะ ง. พระกุมารกัสสปะ
คำตอบ : ค
๒๑. พระมหาเถระผู้คิดริเริ่มในการทำสังคายนาครั้งแรก คือใคร ?
ก. พระอุรุเวลกัสสปะ ข. พระมหากัสสปะ
ค. พระอานนท์ ง. พระอุบาลี
คำตอบ : ข
๒๒. พระสาวกรูปใด ไม่ได้ออกบวชพร้อมกับพระอานนท์ ?
ก. พระอนุรุทธะ ข. พระภัททิยะ
ค. พระอุบาลี ง. พระสารีบุตร
คำตอบ : ง
๒๓. พระมหากัจจายนะ ก่อนบวชมีตำแหน่งอะไร ?
ก. ปุโรหิต ข. ทหารองครักษ์
ค. อำมาตย์ ง. เจ้าลัทธิ
คำตอบ : ก
๒๔. พระสาวกรูปใด สามารถยังสกุลที่ไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใสได้ ?
ก. พระโมคคัลลานะ ข. พระสารีบุตร
ค. พระอุบาลี ง. พระกาฬุทายี
คำตอบ : ง
๒๕. พระพุทธเจ้า ทรงรับประกันเพื่อให้ได้นางอัปสรแก่ใคร ?
ก. พระภัททิยะ ข. พระนันทะ
ค. พระอานนท์ ง. พระเทวทัต
คำตอบ : ข
๒๖. พระสาวกรูปใด ตอนเกิดบิดาพูดว่า บ่วงเกิดแล้ว ?
ก. พระอานนท์ ข. พระอุบาลี
ค. พระราหุล ง. พระอัสสชิ
คำตอบ : ค
๒๗. พระสาวกรูปใด เคยปรารถนาว่า ขออย่าได้ยินคำว่าไม่มี ?
ก. พระภัททิยะ ข. พระมหานามะ
ค. พระอนุรุทธะ ง. พระกิมพิละ
คำตอบ : ค
๒๘. พระสาวกรูปใด บรรลุพระอรหันต์ขณะปลงผมเสร็จ ?
ก. พระสีวลี ข. พระเรวตะ
ค. พระสุภูติ ง. พระวังคีสะ
คำตอบ : ก
๒๙. พระสาวกรูปใด มารดาบิดาจำใจยอมให้บวช ?
ก. พระราธะ ข. พระอนุรุทธะ
ค. พระรัฐบาล ง. พระสาคตะ
คำตอบ : ค
๓๐. พระสาวกรูปใด ถูกพระศาสดาทรงตำหนิว่า โมฆบุรุษผู้มักมาก ?
ก. พระสุภูติ ข. พระจุนทะ
ค. พระเรวตะ ง. พระอุปเสนะ
คำตอบ : ง
๓๑. มีปัญญา แม้ไม่มีทรัพย์ ยังพออยู่ได้ แต่ขาดปัญญา
แม้มีทรัพย์ก็อยู่ไม่ได้ ... เป็นธรรมวาทะของใคร ?
ก. พระโสภิตะ ข. พระสาคตะ
ค. พระมหากัปปินะ ง. พระพากุละ
คำตอบ : ค
๓๒. พระสาวกรูปใด ขณะเป็นพระราชา มีม้าไว้สืบข่าวการอุบัติขึ้น
ของพระพุทธเจ้า ?
ก. พระมหากัปปินะ ข. พระรัฐบาล
ค. พระภัททิยะ ง. พระโสณกุฏิกัณณะ
คำตอบ : ก
๓๓. พระสาวกรูปใด ก่อนบวชมักพูดหักล้างคนอื่น จนใคร ๆ
ไม่อยากคบหาสมาคมด้วย ?
ก. พระโสณกุฏิกัณณะ ข. พระกุมารกัสสปะ
ค. พระปุณณชิ ง. พระมหาโกฏฐิตะ
คำตอบ : ง
๓๔. ใครทำหน้าที่วินิจฉัยอธิกรณ์ กรณีมารดาของกุมารกัสสปะ ?
ก. พระมหากัสสปะ ข. พระอานนท์
ค. พระสารีบุตร ง. พระอุบาลี
คำตอบ : ง
๓๕. พระสาวกรูปใด ก่อนบวชถูกล้อเลียนว่า เด็กไม่มีแม่ ?
ก. พระรัฐบาล ข. พระราธะ
ค. พระกุมารกัสสปะ ง. พระโกณฑธาน
คำตอบ : ค
๓๖. พระสาวกรูปใด ก่อนบวชมีความเชี่ยวชาญด้านดนตรี ?
ก. พระโสณโกฬิวิสะ ข. พระปิลินทวัจฉะ
ค. พระปุณณชิ ง. พระมหาโกฏฐิตะ
คำตอบ : ก
๓๗. พระสาวกรูปใด ชำนาญในมนต์เคาะกะโหลกศีรษะมนุษย์ ?
ก. พระพาหิยะ ข. พระสุภูติ
ค. พระสาคตะ ง. พระวังคีสะ
คำตอบ : ง
๓๘. พระสาวกรูปใด เป็นต้นบัญญัติในการห้ามดื่มสุรา ?
ก. พระสาคตะ ข. พระพากุละ
ค. พระสุภูติ ง. พระโสภิตะ
คำตอบ : ก
๓๙. พระสาวกรูปใด ได้ชื่อว่าปัจฉิมภวิกสัตว์ ผู้เกิดเป็นภพสุดท้าย ?
ก. พระสิวลี ข. พระพากุละ
ค. พระสุภูติ ง. พระราธะ
คำตอบ : ข
๔๐. พระพากุละไม่มีโรคภัยเบียดเบียน เพราะสาเหตุใด ?
ก. สร้างเจดีย์ถวาย ข. สร้างห้องสุขาถวาย
ค. ถวายยาเป็นทาน ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
คำตอบ : ง
ศาสนพิธี
๔๑. ระเบียบแบบแผนที่ผู้นับถือศาสนาพึงปฏิบัติ เรียกว่าอะไร ?
ก. ศาสนพิธี ข. บุญพิธี
ค. ทานพิธี ง. กุศลพิธี
คำตอบ : ก
๔๒. ข้อใด จัดเป็นงานอวมงคล ?
ก. ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ข. ทำบุญอุทิศผู้ตาย
ค. ทำบุญทอดกฐิน ง. ทำบุญฉลองเมรุ
คำตอบ : ข
๔๓. วันพระ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวันอะไร ?
ก. วันอุโบสถ ข. วันวัสสูปนายิกา
ค. วันธรรมสวนะ ง. วันปาฏิบท
คำตอบ : ค
๔๔. ผ้าที่โยงจากศพ เพื่อทำพิธีทอดผ้าบังสุกุล เรียกว่าอะไร ?
ก. ผ้าภูษามาลา ข. ผ้าภูษาโยง
ค. ผ้าบังสุกุล ง. ผ้าปูลาด
คำตอบ : ข
๔๕. วันเข้าพรรษา ตรงกับข้อใด ?
ก. ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๘ ข. ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
ค. แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ง. แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๙
คำตอบ : ค
๔๖. วันมหาปวารณา ตรงกับข้อใด ?
ก. วันแสดงธรรม ข. วันอุโบสถ
ค. วันเข้าพรรษา ง. วันออกพรรษา
คำตอบ : ง
๔๗. ข้อใด ไม่ใช่อยู่ในบทพุทธานุสสติ ?
ก. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ข. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน
ค. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ ง. สนฺทิฏฺฐิโก อกาลิโก
๔๘. การถวายผ้าอาบน้ำฝน นิยมถวายในวันใด ?
ก. วันมาฆบูชา ข. วันวิสาขบูชา
ค. วันอัฏฐมีบูชา ง. วันอาสาฬหบูชา
คำตอบ : ง
๔๙. อุโบสถศีลข้อสุดท้าย ว่าด้วยการเว้นเรื่องใด ?
ก. บริโภคในเวลาวิกาล ข. ฟ้อนรำขับร้อง
ค. ทัดทรงดอกไม้ ง. ที่นั่งที่นอนสูงใหญ่
คำตอบ : ง
๕๐. การทอดกฐิน สิ้นสุดในวันใด ?
ก. วันลอยกระทง ข. วันสงกรานต์
ค. วันเข้าพรรษา ง. วันออกพรรษา
คำตอบ : ก
เฉลยโดยแม่กองธรรมสนามหลวง
คุรุธรรม

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม ธรรมศึกษาชั้นโทปี พ.ศ.๒๕๕๐

๑. สมถกัมมัฏฐาน ตรงกับข้อใด ?
ก. อุบายสงบกาย ข. อุบายสงบวาจา
ค. อุบายสงบใจ ง. อุบายเรืองปัญญา
คำตอบ : ค
๒. กัมมัฏฐานข้อใด อบรมให้เกิดปัญญา ?
ก. สมถกัมมัฏฐาน ข. วิปัสสนากัมมัฏฐาน
ค. อสุภกัมมัฏฐาน ง. อนุสสติกัมมัฏฐาน
คำตอบ : ข
๓. ผู้หมั่นเจริญกัมมัฏฐาน ย่อมได้รับประโยชน์โดยตรงด้านใด ?
ก. จิตใจสงบ ข. มีสุขภาพดี
ค. ความจำดี ง. ขยันทำงาน
คำตอบ : ก
๔. สิ่งอันเป็นเหตุให้ใคร่ เรียกว่าอะไร ?
ก. วัตถุกาม ข. กิเลสกาม
ค. กามคุณ ง. กามฉันทะ
คำตอบ : ข
๕. ข้อใด ไม่จัดเป็นวัตถุกาม ?
ก. เกมส์ ข. ล๊อตเตอรี่
ค. เพลง ง. ความรัก
คำตอบ : ง
๖. ข้อใด จัดเป็นปฏิบัติบูชา ?
ก. ตักบาตรพระ ข. ถวายทาน
ค. ถวายพวงมาลัย ง. รักษาศีล
คำตอบ : ง
๗. ข้อใด จัดเป็นธัมมปฏิสันถาร ?
ก. ต้อนรับตามฐานะ ข. นำน้ำดื่มมาให้
ค. ให้หนังสือธรรมะ ง. ถามถึงธุระที่มา
คำตอบ : ก
๘. ข้อใด เป็นเหตุให้เกิดเจตสิกสุข สุขทางใจ ?
ก. รู้จักพอเพียง ข. มีการงานดี
ค. มีทรัพย์มาก ง. มีตำแหน่งสูง
คำตอบ : ก
๙. ผู้ถูกวิหิงสาวิตกครอบงำ มักมีพฤติกรรมเช่นไร ?
ก. ฝักใฝ่ในกาม ข. ปองร้ายผู้อื่น
ค. โลภอยากได้ ง. ทรมานสัตว์
คำตอบ : ง
๑๐. เมื่อถูกวิหิงสาวิตกครอบงำ จะบรรเทาได้อย่างไร ?
ก. เจริญเมตตา ข. เจริญกรุณา
ค. เจริญมุทิตา ง. เจริญอุเบกขา
คำตอบ : ข
๑๑. ไฟในข้อใด ทำให้คนหลงผิดเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ?
ก. ไฟคือราคะ ข. ไฟคือโทสะ
ค. ไฟคือโมหะ ง. ไฟคือตัณหา
คำตอบ : ค
๑๒. ประชาธิปไตยจะสมบูรณ์ ต้องมีอะไรเป็นพื้นฐาน ?
ก. อัตตาธิปเตยยะ ข. โลกาธิปเตยยะ
ค. ธัมมาธิปเตยยะ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ค
๑๓. การปกครองระบอบประชาธิปไตย สงเคราะห์เข้าในข้อใด ?
ก. อัตตาธิปเตยยะ ข. โลกาธิปเตยยะ
ค. ธัมมาธิปเตยยะ ง. อนาธิปเตยยะ
คำตอบ : ข
๑๔. ข้อใดเป็นความหมายของคำว่า ญาณ ?
ก. สมาธิชั้นสูง ข. ปัญญาหยั่งรู้
ค. มีอิทธิฤทธิ์ ง. การเข้าฌาน
คำตอบ : ข
๑๕. ข้อใด ไม่จัดเป็นตัณหา ?
ก. อยากมีบ้านใหม่ ข. อยากให้คนนับถือ
ค. อยากอยู่คนเดียว ง. อยากรักษาโรคร้าย
คำตอบ : ง
๑๖. ข้อใด เป็นโทษของตัณหา ?
ก. ให้เกิดทุกข์ ข. ให้มัวเมา
ค. ให้ยึดมั่นถือมั่น ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๑๗. ผู้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ซึ่งมาในรูปแบบต่างๆ เพราะ… ?
ก. เกิดความโลภ ข. ขาดปัญญา
ค. ข่มใจไว้ไม่ได้ ง. เชื่อคนง่าย
คำตอบ : ก
๑๘. ปาฏิหาริย์อะไร ทำให้คนละชั่วประพฤติดีได้ ?
ก. อาเทสนาปาฏิหาริย์ ข. อิทธิปาฏิหาริย์
ค. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ง. ยมกปาฏิหาริย์
คำตอบ : ค
๑๙. พระอภิธรรมปิฎก ว่าด้วยเรื่องอะไร ?
ก. แสดงระเบียบปฏิบัติ ข. แสดงบุคคลาธิษฐาน
ค. แสดงธรรมาธิษฐาน ง. แสดงอิทธิปาฏิหารย์
คำตอบ : ง
๒๐. พระพุทธเจ้าแสดงธรรมประกาศพระศาสนา จัดเป็นจริยาใด ?
ก. อัตตัตถจริยา ข. โลกัตถจริยา
ค. ญาตัตถจริยา ง. พุทธัตถจริยา
คำตอบ : ง
๒๑. ข้อใด ไม่ใช่โลกัตถจริยา ?
ก. ตรวจดูสัตว์โลก ข. โปรดเวไนยสัตว์
ค. ตอบปัญหาเทวดา ง. โปรดพุทธบิดา
คำตอบ : ง
๒๒. ค้ายาบ้าแล้วถูกจับติดคุก สงเคราะห์เข้าในวัฏฏะข้อใด ?
ก. กิเลสวัฏฏ์ ข. กัมมวัฏฏ์
ค. วิปากวัฏฏ์ ง. สังสารวัฏฏ์
คำตอบ : ค
๒๓. เพราะเหตุใด มนุษย์จึงต้องเวียนว่ายตายเกิด ?
ก. ทำกรรมชั่ว ข. มีโลกนี้โลกหน้า
ค. รับผลกรรม ง. มีกิเลสกรรมวิบาก
คำตอบ : ง
๒๔. คำว่า สิกขา มีความหมายว่าอย่างไร ?
ก. เรียนหนังสือ ข. ฝึกหัดกายวาจาใจ
ค. รักษาความดี ง. เจริญสมาธิภาวนา
คำตอบ : ข
๒๕. สาระสำคัญของการศึกษาไตรสิกขา คืออะไร ?
ก. เป็นมนุษย์สมบูรณ์ ข. โลกสงบร่มเย็น
ค. โลกเจริญก้าวหน้า ง. ทำให้โลกพัฒนา
คำตอบ : ก
๒๖. การบำเพ็ญสมถกัมมัฏฐาน ตรงกับสิกขาข้อใด ?
ก. อธิสีลสิกขา ข. อธิจิตตสิกขา
ค. อธิปัญญาสิกขา ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ข
๒๗. ในอปัสเสนธรรม ข้อพิจารณาแล้วบรรเทา ตรงกับข้อใด ?
ก. งดเหล้าเข้าพรรษา ข. งดอบายมุข
ค. งดจองเวรต่อกัน ง. งดสูบบุหรี่
คำตอบ : ค
๒๘. ยาบ้าและสิ่งเสพติด พิจารณาแล้ว ควรทำอย่างไร ?
ก. เสพ ข. อดกลั้น
ค. เว้น ง. บรรเทา
คำตอบ : ค
๒๙. ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข จัดเป็นอัปปมัญญาข้อใด ?
ก. เมตตา ข. กรุณา
ค. มุทิตา ง. อุเบกขา
คำตอบ : ก
๓๐. มีจิตริษยาเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี ชื่อว่าไม่มีอัปปมัญญาข้อใด ?
ก. เมตตา ข. กรุณา
ค. มุทิตา ง. อุเบกขา
คำตอบ : ค
๓๑. อัปปมัญญาข้อใด เป็นคุณให้เกิดความเที่ยงธรรม ?
ก. เมตตา ข. กรุณา
ค. มุทิตา ง. อุเบกขา
คำตอบ : ง
๓๒. ข้อใด กล่าวการเกิดในภพใหม่ของพระโสดาบันไม่ถูกต้อง ?
ก. ไม่เกิดในอบายภูมิ ข. เกิดไม่เกินเจ็ดชาติ
ค. เกิดใหม่เป็นโสดาบัน ง. เกิดใหม่เป็นปุถุชน
คำตอบ : ง
๓๓. ทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบาง เป็นคุณสมบัติของใคร ?
ก. พระโสดาบัน ข. พระอนาคามี
ค. พระสกทาคามี ง. พระอรหันต์
คำตอบ : ค
๓๔. โสดาบัน แปลว่าอะไร ?
ก. ผู้ไกลจากกิเลส ข. ผู้ประเสริฐสูงสุด
ค. ผู้ไม่มาโลกนี้อีก ง. ผู้ถึงกระแสนิพพาน
คำตอบ : ง
๓๕. กิเลสในข้อใด พระอนาคามีละได้เด็ดขาด ?
ก. กามราคะ ข. รูปราคะ
ค. อรูปราคะ ง. มานะ
คำตอบ : ก
๓๖. กิเลสที่เป็นดุจกระแสน้ำท่วมใจสัตว์ เรียกว่าอะไร ?
ก.โยคะ ข. โอฆะ
ค. อาสวะ ง. มานะ
คำตอบ : ข
๓๗. อริยสัจในข้อใด จัดว่าเป็น เหตุ ?
ก. ทุกข์ สมุทัย ข. สมุทัย นิโรธ
ค. สมุทัย มรรค ง. มรรค นิโรธ
คำตอบ : ค
๓๘. บุคคลที่พอแนะนำให้ตรัสรู้ตามได้ ตรงกับข้อใด ?
ก. อุคฆติตัญญู ข. วิปจิตัญญู
ค. เนยยะ ง. ปทปรมะ
คำตอบ : ค
๓๙. อนุปุพพีกถาข้อใด ฟอกจิตไม่ให้เป็นคนโหดร้าย ?
ก. ทานกถา ข. สีลกถา
ค. สัคคกถา ง. กามาทีนวกถา
คำตอบ : ข
๔๐. บูชาพระคุณ ค้ำจุนพระศาสนา พาสู่ความสงบ จบแค่นิพพาน หมายถึงอนุปุพพีกถาข้อใด ?
ก. ทานกถา ข. สีลกถา
ค. สัคคกถา ง. เนกขัมมานิสังสกถา
คำตอบ : ง
๔๑. กลัวคนอื่นจะดีกว่า จัดเป็นมัจฉริยะใด ?
ก. กุลมัจฉริยะ ข. ลาภมัจฉริยะ
ค. วัณณมัจฉริยะ ง. ธัมมมัจฉริยะ
คำตอบ : ค
๔๒. เหตุใด ความตายจึงชื่อว่า มัจจุมาร ?
ก. เพราะเป็นเหตุตัดกิเลส ข. เพราะเป็นเหตุตัดทุกข์
ค. เพราะเป็นเหตุตัดชีวิต ง. เพราะเป็นเหตุตัดความดี
คำตอบ : ค
๔๓. เวทนา มีความหมายตรงกับข้อใด ?
ก. ความเจ็บปวด ข. ความรู้สึก
ค. ความเห็นใจ ง. ความสงสาร
คำตอบ : ข
๔๔. เมตตา เป็นสัปปายะแก่คนมีจริตอะไร ?
ก. ราคจริต ข. โทสจริต
ค. โมหจริต ง. วิตกจริต
คำตอบ : ข
๔๕. คนคิดฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ ควรแก้ด้วยวิธีใด ?
ก. เจริญอานาปานสติ ข. เจริญมรณสติ
ค. เจริญเทวตานุสสติ ง. เจริญกายคตาสติ
คำตอบ : ก
๔๖. พระธรรมคุณข้อว่า สนฺทิฏฺฐิโก ตรงกับข้อใด ?
ก. ผู้บรรลุพึงเห็นเอง ข. ชนพึงรู้เฉพาะตน
ค. ควรเรียกให้มาดู ง. พึงน้อมเข้ามาในตน
คำตอบ : ก
๔๗. ความรู้คู่คุณธรรม ตรงกับพระพุทธคุณข้อใด ?
ก. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ข. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน
ค. สุคโต โลกวิทู ง. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ
คำตอบ : ข
๔๘. พระสงฆ์ได้ชื่อว่า อุชุปฏิปนฺโน เพราะปฏิบัติตนเช่นไร ?
ก. ปฏิบัติดีแล้ว ข. ปฏิบัติไม่ลวงโลก
ค. ปฏิบัติชอบ ง. ปฏิบัติสมควร
คำตอบ : ข
๔๙. โครงการทุนเล่าเรียนหลวง ที่พระราชทานแก่คณะสงฆ์ไทย
จัดเป็นบารมีใด ?
ก. ทานบารมี ข. ปัญญาบารมี
ค. อธิษฐานบารมี ง. เมตตาบารมี
คำตอบ : ก
๕๐. ยามบุญมาวาสนาช่วย ที่ป่วยก็หาย ที่หน่ายก็รัก ตรงกับข้อใด ?
ก. กุศลชนกกรรม ข. กุศลอุปัตถัมภกกรรม
ค. กุศลอาสันนกรรม ง. กุศลอาจิณณกรรม
คำตอบ : ข
เฉลยโดยแม่กองธรรมสนามหลวง
คุรุธรรม

วิชาอุโบสถศีล (วินัย) ธรรมศึกษาชั้นโท ปี พ.ศ.๒๕๔๖

๑. คำว่า “ อุโบสถศีล ” หมายถึงศีลอะไร ?
ก. ศีล ๕ ข. ศีล ๘
ค. ศีล ๑๐ ง. ศีล ๒๒๗
คำตอบ : ข
๒. การรักษาอุโบสถศีล จัดเข้าในพิธีใด ?
ก. บุญพิธี ข. กุศลพิธี
ค. ทานพิธี ง. ปกิณกะ
คำตอบ : ข
๓. ใครกราบทูลพระผู้มีพระภาค ให้ทรงบัญญัติอุโบสถ
ก. พระสารีบุตร ข. พระโมคคัลลานะ
ค. พระเจ้าพิมพิสาร ง. พระเจ้าอชาตศัตรู
คำตอบ : ค
๔. ข้อใด กล่าวถึงพิธีรักษาอุโบสถได้ถูกต้อง
ก. ประกาศอุโบสถแล้ว อาราธนาศีล
ข. อาราธนาศีลแล้ว ประกาศอุโบสถ
ค. อาราธนาศีลแล้ว อธิษฐานอุโบสถ
ง. อธิษฐานอุโบสถแล้ว ประกาศอุโบสถ
คำตอบ : ก
๕. อุโบสถศีล มี ๘ …… ?
ก. ข้อ ข. หมวด
ค. สิกขา ง. สิกขาบท
คำตอบ : ง
๖. ผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีล พึงปฏิบัติตนอย่างไร ?
ก. ให้ทาน ข. ฟังเทศน์
ค. นั่งสมาธิ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๗. ข้อใด เป็นวิธีการรักษาอุโบสถนอกพุทธกาล ?
ก. รักษาศีล ๕ ข. อดอาหาร
ค. สมาทานศีล ๘ ง. รับสรณคมน์
คำตอบ : ข
๘. ข้อใด เป็นวิธีการรักษาอุโบสถสมัยพุทธกาล ?
ก. รักษาศีล ๘ ข. อดอาหาร
ค. รับสรณคมน์ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๙. อาการเช่นไร เรียกว่า การรักษาศีล ?
ก. การละเมิดข้อห้าม ข. การไม่พูดคุยกัน
ค. การเว้นจากข้อห้าม ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ค
๑๐. อุโบสถใด ที่นิยมสมาทานรักษาในวันพระข้างขึ้น ข้างแรม ?
ก. ปกติอุโบสถ ข. อริยอุโบสถ
ค. นิคัณฐอุโบสถ ง. สังฆอุโบสถ
คำตอบ : ก
๑๑. ปาฏิหาริยอุโบสถ กำหนดให้สมาทานรักษาช่วงฤดูใด ?
ก. ฤดูร้อน ข. ฤดูฝน
ค. ฤดูหนาว ง. ฤดูใบไม้ผลิ
คำตอบ : ข
๑๒. ปาฏิหาริยอุโบสถ กำหนดให้สมาทานรักษานานเท่าไร ?
ก. วันหนึ่งคืนหนึ่ง ข. คราวละ ๓ วัน
ค. ตลอด ๓ เดือน ง. ตลอด ๔ เดือน
คำตอบ : ง
๑๓. ปกติอุโบสถ กำหนดให้สมาทานรักษานานเท่าไร ?
ก. วันหนึ่งคืนหนึ่ง ข. คราวละ ๓ วัน
ค. ตลอด ๓ เดือน ง. ตลอด ๔ เดือน
คำตอบ : ก
๑๔. ข้อใด ไม่ตรงกับวันในปฏิชาครอุโบสถ
ก. วันรับ ข. วันส่ง
ค. วันรักษา ง. วันลา
คำตอบ : ง
๑๕. ในปัญจุโปสถชาดก ใครรักษาอุโบสถเพื่อข่มความโกรธ ?
ก. ฤาษี ข. งู
ค. หมี ง. สุนัขจิ้งจอก
คำตอบ : ข
๑๖. ในปัญจุโปสถชาดก ใครรักษาอุโบสถเพื่อข่มความโลภ ?
ก. ฤาษี ข. นกพิราบ
ค. หมี ง. สุนัขจิ้งจอก
คำตอบ : ง
๑๗. เมื่อถึงวันอุโบสถ ใครสมาทานรักษาศีลอุโบสถ ?
ก. ภิกษุ ข. สามเณร
ค. อุบาสก อุบาสิกา ง. คนทั่วไป
คำตอบ : ค
๑๘. ข้อใด ผู้สมาทานรักษาศีลอุโบสถไม่พึงกระทำ ?
ก. นับอายุและวัย ข. สนทนาถึงลูกถึงคน
ค. ฟังธรรม ง. เล่าเรื่องพุทธประวัติ
คำตอบ : ข
๑๙. คำประกาศอุโบสถ กำหนดให้ทำต่อจากขั้นตอนใด
ก. บูชาพระรัตนตรัย ข. รับสรณคมน์
ข. อาราธนาศีล ง. สมาทานศีล
คำตอบ : ก
๒๐. คำว่า พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ เป็นคำอะไร
ก. คำบูชาพระรัตนตรัย
ข. คำประกาศอุโบสถ
ค. คำรับสรณคมน์
ง. คำอาราธนาศีล
คำตอบ : ค
๒๑. ข้อใด ไม่มีความจำเป็นในการรักษาอุโบสถศีล ?
ก. รับสรณคมน์
ข. สมาทานศีล ๘
ค. สมาทานรักษาเองก็ได้
ง. ต้องสมาทานรักษาที่วัด
คำตอบ : ง
๒๒. การแสดงธรรมกัณฑ์อุโบสถ ตรงกับการเทศน์ในข้อใด ?
ก. เทศน์มหาชาติ ข. เทศน์ตามกาลนิยม
ค. เทศน์งานมงคล ง. เทศน์งานอวมงคล
คำตอบ : ข
๒๓. ข้อใด ไม่ใช่องค์ประกอบทำให้ศีลข้อปาณาติบาตขาด ?
ก. สัตว์มีชีวิต ข. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
ค. จิตคิดจะฆ่า ง. สัตว์ตายด้วยความคิดนั้น
คำตอบ : ง
๒๔. ข้อใด ไม่ใช่องค์ประกอบทำให้ศีลข้ออทินนาทานขาด ?
ก. ทรัพย์มีเจ้าของ
ข. รู้ว่าทรัพย์มีเจ้าของ
ค. จิตคิดจะลักทรัพย์นั้น
ง. ลักมาได้เพราะคนอื่นช่วย
คำตอบ : ง
๒๕. คำว่า อพรหมจรรย์ หมายถึงข้อใด ?
ก. การเสพอสัทธรรม ข. การเสพยาบ้า
ค. การเสพบัณฑิต ง. การเสพคนพาล
คำตอบ : ก
๒๖. ข้อใด ไม่ใช่องค์ประกอบทำให้ศีลข้อมุสาวาทขาด ?
ก. เรื่องไม่จริง ข. รู้ว่าเรื่องไม่จริง
ค. จิตคิดจะพูดให้ผิด ง. คนอื่นเข้าใจ
คำตอบ : ข
๒๗. ข้อใด ผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีลบริโภคในเวลาวิกาลไม่ได้ ?
ก. น้ำซุป ข. เนยข้น
ค. น้ำผึ้ง ง. น้ำอ้อย
คำตอบ : ก
๒๘. ข้อใด ไม่ผิดอุโบสถศีลข้อที่ ๗ ?
ก. ทาน้ำหอมดับกลิ่นตัว ข. ทาน้ำมันให้ผมอยู่ทรง
ค. ทาแป้งรักษาโรคคัน ง. ทาแป้งดับความร้อน
คำตอบ : ค
๒๙. ในปัญจุโปสถชาดก ฤาษีเห็นว่า อะไรเป็นคุณใหญ่ ในโลกนี้ ?
ก. ชาติตระกูล ข. ศีล
ค. เมตตา ง. ขันติ
คำตอบ : ข
๓๐. อัชฌาจารณียวัตถุ (วัตถุที่จะพึงประพฤติล่วง) เป็นองค์ของอุโบสถศีลข้อใด ?
ก. ปาณาติบาต ข. อทินนาทาน
ค. อพรหมจรรย์ ง. มุสาวาท
คำตอบ : ค
๓๑. ข้อใด ไม่ใช่อุโบสถศีล ?
ก. ไม่ใช้เครื่องหอม ข. ไม่ดูการละเล่น
ค. ไม่จับเงินทอง ง. ไม่ใช้เครื่องลาดวิจิตร
คำตอบ : ค
๓๒. อุโบสถของนักบวชนอกพระพุทธศาสนา ตรงกับข้อใด ?
ก. ปฏิชาครอุโบสถ ข. นิคัณฐอุโบสถ
ค. โคปาลกอุโบสถ ง. ปาฏิหาริยอุโบสถ
คำตอบ : ข
๓๓. อุโบสถใด ให้ผู้สมาทานรักษาได้รับผลมากที่สุด ?
ก. โคปาลกอุโบสถ ข. นิคัณฐอุโบสถ
ค. อริยอุโบสถ ง. ไม่มีข้อถูก
คำตอบ : ค
๓๔. ผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีลเช่นไร ได้ผลน้อยที่สุด ?
ก. ต้องการชื่อเสียง ข. ต้องการผลบุญ
ค. ต้องการความสงบ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ก
๓๕. พระผู้มีพระภาค ตรัสไว้ในอุโบสถสูตรว่า สิ่งที่จะชำระจิตใจที่เศร้าหมองด้วยอำนาจ
กิเลสให้บริสุทธิ์ได้นั้น คืออะไร ?
ก. ถวายสังฆทาน ข. รดน้ำมนต์
ค. ไหว้พระ ๙ วัด ง. นึกถึงศีล
คำตอบ : ง
๓๖. ข้อใด ไม่ใช่การรักษาอุโบสถศีลตามพระอรหันต์ ?
ก. ละปาณาติบาต ข. ละอทินนาทาน
ค. ละอพรหมจรรย์ ง. ละทุกข์
คำตอบ : ง
๓๗. พระอรหันต์ได้ชื่อว่ามีถ้อยคำมั่นคง ไม่ลวงโลก เพราะศีลข้อใด ?
ก. เว้นอาหารในเวลาวิกาล
ข. ประพฤติพรหมจรรย์
ค. เว้นจากการพูดเท็จ
ง. เว้นจากการดื่มน้ำเมา
คำตอบ : ค
๓๘. ผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีล มีอาการเหมือนคนรับจ้างเลี้ยงโค ตรงกับข้อใด ?
ก. พูดเรื่องกิน ข. พูดเรื่องลูกหลาน
ค. มีแต่ความอยากได้ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๓๙. ผู้สมาทานปฏิชาครอุโบสถ ต้องรักษาศีลอะไร ?
ก. ศีล ๕ ข. ศีล ๘
ค. ศีล ๑๐ ง. ศีล ๓๑๑
คำตอบ : ข
๔๐. คำว่า “ สรณคมน์ ” คืออะไร ?
ก. รัตนะ ๓ ข. โอวาท ๓
ค. อริยสัจ ๔ ง. ศีล ๘
คำตอบ : ก
๔๑. คำว่า “ สีเลน สุคตึ ยนฺติ ” เป็นคำอะไร ?
ก. คำอาราธนาศีล ข. คำลาศีล
ค. คำสมาทานศีล ง. คำบอกอานิสงส์ศีล
คำตอบ : ง
๔๒. เมื่อพระสงฆ์ว่า “ ติสรณคมนํ นิฏฺฐิตํ ” ผู้สมาทานอุโบสถศีลพึงรับพร้อมกัน
ว่าอย่างไร ?
ก. อาม ภนฺเต ข. สาธุ ภนฺเต
ค. มยํ ภนฺเต ง. อิมานิ มยํ ภนฺเต
คำตอบ : ก
๔๓. ผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีล พึงรับประทานอาหารให้เสร็จเวลาใด ?
ก. ก่อนเพล ข. ก่อนเที่ยง
ค. เที่ยงครึ่ง ง. ก่อนบ่ายโมง
คำตอบ : ข
๔๔. คำพูดเช่นใด ห้ามผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีลพูด ?
ก. คำหยาบ ข. คำเพ้อเจ้อ
ค. คำส่อเสียด ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๔๕. เพราะเหตุใด ผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีล จึงต้องงดดื่มสุรา ?
ก. เพราะเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ข. เพราะเป็นข้าศึกแห่งพรหมจรรย์
ค. เพราะเป็นที่ตั้งแห่งความกังวล
ง. เพราะเป็นเหตุให้คนอื่นไม่เชื่อถือ
คำตอบ : ก
๔๖. เพราะเหตุใด ผู้รักษาอุโบสถศีล จึงต้องงดการประดับร่างกาย ?
ก. เพราะเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ข. เพราะเป็นที่ตั้งแห่งความกังวล
ค. เพราะเป็นข้าศึกแก่กุศล
ง. เพราะเป็นข้าศึกแก่อกุศล
คำตอบ : ค
๔๗. คำว่า “ วางทอนไม้ ” ในอุโบสถสูตร มีความหมายว่าอย่างไร ?
ก. งดฆ่าสัตว์ ข. งดลักทรัพย์
ค. งดจี้ปล้น ง. งดคบคนพาล
คำตอบ : ก
๔๘. ผู้รักษาอุโบสถศีลไม่รู้ว่าน้ำมีตัวสัตว์ ดื่มเข้าไป ศีลขาดหรือไม่ ?
ก. ขาด เพราะสัตว์มีชีวิต
ข. ขาด เพราะสัตว์ตาย
ค. ไม่ขาด เพราะไม่รู้ว่ามีตัวสัตว์
ง. ไม่ขาด เพราะต้องรักษาชีวิต
คำตอบ : ค
๔๙. เมื่อรักษาอุโบสถศีลครบวันหนึ่งคืนหนึ่งแล้ว พึงปฏิบัติอย่างไร ?
ก. กล่าวคำลาพระรัตนตรัย
ข. กล่าวคำลาศีล
ค. กล่าวคำลาสิกขา
ง. การสมาทานสิ้นสุดเอง
คำตอบ : ง
๕๐. การรักษาอุโบสถศีล มีประโยชน์อย่างไร
ก. ละความชั่วได้ ข. เป็นที่ตั้งแห่งสมาธิ
ค. เป็นที่ตั้งแห่งปัญญา ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
ผู้ออกข้อสอบ
: ๑. พระศรีรัตนโมลี วัดพระปฐมเจดีย์
๒. พระปิฎกโกศล วัดพระพิเรนทร์
๓. พระมหาสมเจตต์ อธิจิตฺโต ป.ธ.๙
วัดสุทัศนเทพวราราม
ตรวจ/ปรับปรุง : สนามหลวงแผนกธรรม

คุรุธรรม

ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ ธรรมศึกษาชั้นเอกปี พ.ศ.๒๕๕๒

1.ประวัติของพระพุทธเจ้าและพระสาวก คือข้อใด ?
ก.อนุพุทธประวัติ ข.พุทธประวัติ
ค.พุทธานุพุทธประวัติ ง.ปัจเจกพุทธประวัติ
ตอบ ค
2.ชาวชมพูทวีปมีทิฏฐิมานะกล้า ชอบรังเกียจกันด้วยเหตุใด ?
ก.เกียรติยศ ข.ความมั่งคั่งสมบัติ
ค.ชาติและโคตร ง.ฐานะความเป็นอยู่
ตอบ ค
3.ส่วนกลางของประเทศเป็นที่อยู่ของชนชาติอริยกะ เรียกว่าอะไร ?
ก.ปัจจันตประเทศ ข.มัชฌิมประเทศ
ค.ปฐมประเทศ ง.ปัจฉิมประเทศ
ตอบ ข
4.ชมพูทวีป แบ่งออกเป็นกี่อาณาจักรใหญ่ ?
ก.10 อาณาจักร ข.15 อาณาจักร
ค.16 อาณาจักร ง.26 อาณาจักร
ตอบ ค
5.บุตรที่เกิดจากมารดาบิดาต่างวรรณะกัน เรียกว่าอะไร ?
ก.พราหมณ์ ข.แพศย์
ค.ศูทร ง.จัณฑาล
ตอบ ง
6.ใครประกอบด้วยลักษณะแห่งเบญจกัลยาณี ?
ก.พระนางสิริมหามายา ข.พระนางปชาบดีโคตมี
ค.พระนางกัญจนา ง.พระนางอมิตา
ตอบ ก
7.สุเมธดาบส ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใด
ก.พระตัณหังกร ข.พระสรณังกร
ค.พระทีปังกร ง.พระกัสสปะ
ตอบ ค
8.พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีครบถ้วน ขณะเสวยพระชาติเป็นใคร ?
ก.พระมหาชนก ข.พระเตมีย์
ค.พระมโสถ ง.พระเวสสันดร
ตอบ ง
9.การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ก่อนเสด็ดอุบัติเป็นมนุษย์ของพระมหาสัตว์ตรงกับข้อใด ?
ก.ปัญจโกลาหล ข.เทโวโรหณะ
ค.เบญจมหาบริจาค ง.มหาวิโลกนะ
ตอบ ง
10.ข้อใด ไม่จัดเข้าในมหาบุรุษลักษณะ 32 ประการ ?
ก.ฝ่าเท้ามีลายกงจักร ข.มีผิวดั่งทองคำ
ค.มีพระทนต์ 32 ซี่ ง.มีลำคอกลมเสมอ
ตอบ ค
11.คำอุทานตอนประสูติว่า เราเป็นผู้เลิศในโลก เรียกว่าอะไร ?
ก.สัจจวาจา ข.เจตนาวาจา
ค.อาสภิวาจา ง.สุภาสิตวาจา
ตอบ ค
12.ข้อใด ไม่นับเข้าในสหชาตของพระพุทธเจ้า ?
ก.ม้ากัณฐกะ ข.ต้นศรีมหาโพธิ
ค.ขุมทรัพย์ทั้ง 4 ง.พระนันทกุมาร
ตอบ ง
13.พระนามใด มีความหมายว่า พระผู้มีฉัพพรรณรังสีแผ่ซ่านออกจากพระวรกาย ?
ก.พระสิทธัตถะ ข.พระอังคีรส
ค.พระโคดม ง.พระชินสีห์
ตอบ ข
14.ดาบสที่เข้าเยี่ยมพระมหาบุรุษคนแรกหลังประสูติ คือใคร ?
ก.กาฬเทวิลดาบส ข.อาฬารดาบส
ค.อุทกดาบส ง.กบิลดาบส
ตอบ ก
15.เมื่อดาบสกราบพระโอรส เหล่าราชตระกูลเห็นแล้วทำอย่างไร ?
ก.ให้โอรสเป็นบริวาร ข.ให้ออกบวชตาม
ค.ให้โอรสเป็นข้าทาส ง.เสื่อมศรัทธาดาบส
ตอบ ก
16.พระมหาบุรุษได้ปฐมฌาน ในขณะพระชนมายุเท่าไร
ก. 5 พรรษา ข. 6 พรรษา
ค. 7 พรรษา ง. 8 พรรษา
ตอบ ค
17.คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ รวมเรียกว่าอะไร ?
ก.ธรรมทูต ข.เทวทูต
ค.สมณทูต ง.ยมทูต
ตอบ ข
18.ในวันที่พระมหาบุรุษเสด็จออกผนวช มีใครคอยห้ามปรามไว้ ?
ก.พระราชบิดา ข.พระนางพิมพา
ค.นายฉันนะ ง.พญาวสวัสดีมาร
ตอบ ง
19.ใครเป็นพยานว่า การบำเพ็ญทุกรกิริยาไม่ใช่หนทางตรัสรู้ ?
ก.ปัญจวัคคีย์ ข.อาฬารดาบส
ค.อุทกดาบส ง.ตปุสสะ ภัลลิกะ
ตอบ ก
20.ญาณเป็นเหตุให้ระลึกชาติในหนหลังได้ ตรงกับข้อใด
ก.จุตูปปาตญาณ ข.นิพพิทาญาณ
ค.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ง.อาสวักขยญาณ
ตอบ ค
21.พระมหาบุรุษพรรพชาแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่กี่ปี จึงตรัสรู้ ?
ก.4 ปี ข.5 ปี
ค.6 ปี ง.7 ปี
ตอบ ค
22.พระนามว่า สัมมาสัมพุทโธ เป็นพระนามที่ได้จากอะไร ?
ก.เหล่าบริษัทถวาย ข.เหล่าสาวกถวาย
ค.เหล่าเทพถวาย ง.พระคุณส่วนพระองค์
ตอบ ง
23.พราหมณ์ผู้มักตวาดผู้อื่นว่า หึ หึ ได้ทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้าในขณะเสวย
วิมุตติสุขที่ต้นไม้ใด ?
ก.ต้นมหาโพธิ ข.ต้นอชปาลนิโครธ
ค.ต้นราชายตนะ ง.ต้นมุจลินท์
ตอบ ข
24.ตปุสสะและภัลลิกะ ได้ถวายข้าวสัตตุก้อนสัตตุผงที่ต้นไม้ใด ?
ก.ต้นมหาโพธิ ข.ต้นอชปาลนิโครธ
ค.ต้นมุจลินท์ ง.ต้นราชายตนะ
ตอบ ง
25.ข้อใด จัดเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ในอริยสัจ 4 ?
ก.ราคะ ข.โทสะ
ค.โมหะ ง.ตัณหา
ตอบ ง
26.คำว่า ดวงตาเห็นธรรม ตรงกับข้อใด ?
ก.พุทธจักษุ ข.ธัมมจักษุ
ค.ทิพยจักษุ ง.มังสจักษุ
ตอบ ข
27.ยสกุลบุตร มีสหายที่ตามออกบวชด้วยกันกี่คน ?
ก.45 คน ข.50 คน
ค.54 คน ง.55 คน
ตอบ ค
28.คำว่า สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน เพราะไฟคือราคะ โทสะ โมหะ
เป็นใจความแห่งพระสุตรใด ?
ก.ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ข.อนัตตลักขณะสูตร
ค.เวทนาปริคคหสูตร ง.อาทิตตปริยายสูตร
ตอบ ง
29.บริวารมากเพราะน้ำใจ เป็นคุณสมบัติของพระสาวกรูปใด ?
ก.พระอัญญาโกณฑัญญะ ข.พระเจ้าพิมพิสาร
ค.พระอุรุเวลากัสสปะ ง.พระสารีบุตร
ตอบ ค
30.พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใด ตั้งความปรารถนาไว้ 5 ประการแล้วประสบความสำเร็จ ?
ก.พระเจ้าสุทโธทนะ
ข.พระเจ้าพิมพิสาร
ค.พระเจ้าอชาตศัตรู
ง.พระเจ้าปเสนทิโกศล
ตอบ ข
31.ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาแสดงเหตุและดังแห่งธรรมนั้น
ใครกล่าวกับใคร ?
ก.อุปติสสะกับสัญชัย ข.พระอัสสชิกับโกลิตะ
ค.โกลิตะกับสัญชัย ง.พระอัสสชิกับอุปติสสะ
ตอบ ง
32.เหตุใด พระสารีบุตรจึงกลับไปนิพพานที่บ้านเกิดของตนเอง ?
ก.ไปเยี่ยมบ้าน ข.ไปเยี่ยมมารดา
ค.ไปเทศน์โปรดมารดา ง.ไปรักษาตัว
ตอบ ค
33.เพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา ใครกับใคร ?
ก.ตปุสสะ ภัลลิกะ ข.ภัททิยะ อนุรุทธะ
ค.อัสสชิ อุปติสสะ ง.อุปติสสะ โกลิตะ
ตอบ ง
34.พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญพระสาวกรูปใดว่า กตัญญูกตเวที ?
ก.พระสารีบุตร ข.พระโมคคลลานะ
ค.พระอุรุเวลากัสสปะ ง.พระมหากัสสปะ
ตอบ ก
35.พระดำรัสว่า มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอด้วยพระองค์ หมายถึงพระสาวกรูปใด ?
ก.พระสารีบุตร ข.พระอานนท์
ค.พระมหากัจจายนะ ง.พระมหากัสสปะ
ตอบ ง
36.ข้อใด ไม่จัดเข้าในสหธรรมิกของบรรพชิต ?
ก.ภิกษุ ข.ภิกษุณี
ค.สิกขมานา ง.อุบาสก
ตอบ ง
37.พระพุทธเจ้าทรงประทานครุธรรม 8ประการ แก่ใครเป็นครั้งแรก ?
ก.ปชาบดีโคตรมีเถรี ข.เขมาเถรี
ค.อุบลวัณณาเถรี ง.ปฎาจาราเถรี
ตอบ ก
38.ในพรรษาที่ 45 พระพุทธเจ้าทรงอยู่จำ ณ สถานที่ใด ?
ก.บ้านภัณฑุคาม ข.บ้านอัมพคาม
ค.บ้านชัมพุคาม ง.บ้านเวฬุวคาม
ตอบ ง
39.มหาปเทส 4 พระพุทธเจ้าทรงแสดง ณ สถานที่ใด ?
ก.อานันทเจดีย์ ข.ปาวาลเจดีย์
ค.อจลเจดีย์ ง.ปาสาณเจดีย์
ตอบ ก
40.พระกายของพระตถาคต ย่อมผ่องใสยิ่งนักในเวลาใด
ก.ตอนประสุติ ข.ตอนตรัสรู้
ค.ตอนปรินิพพาน ง.ตอนตรัสรู้ ปรินิพพาน
ตอบ ง
41.นาคาวโลก คือการเหลียวกลับมามองเมืองใด เป็นครั้งสุดท้าย ?
ก.วัชชี ข.สาวัตถี
ค.เวสาลี ง.กุสินารา
ตอบ ค
42.พระสาวกรูปใด ได้รับการบวชเป็นปัจฉิมสาวก ?
ก.พระอานนท์ ข.พระอนุรุทธะ
ค.พระสุภัททะ ง.พระมหากัสสปะ
ตอบ ค
43.พระศาสดาตรัสแก่พระสาวกใดว่า ธรรมและวินัยที่เราแสดงแล้ว
จังเป็นศาสดาแห่งท่านทั้งหลาย โดยการล่วงไปแห่งเรา ?
ก.พระอนุรุทธะ ข.พระมหากัสสปะ
ค.พระอุบาลี ง.พระอานนท์
ตอบ ง
44.พระสาวกรูปใด วิสัชนาพระธรรมในคราวสังคยานาครั้งที่ 1 ?
ก.พระมหากัสสปะ ข.พระอานนทร์
ค.พระอนุรุทธะ ง.พระอุบาลี
ตอบ ข
45.ข้อใด ไม่นับเข้าในเจดีย์ 4 ประเภท ?
ก.สถูปเจดีย์ ข.บริโภคเจดีย์
ค.ธรรมเจดีย์ ง.อุทเทสิกเจดีย์
ตอบ ก
46.ข้อใด ไม่จัดเข้าในถูปารหบุคคล ?
ก.พระปัจเจกพุทธเจ้า ข.พระอรหันต์
ค.พระเจ้าจักรพรรดิ ง.พระอนาคามี
ตอบ ง
47.เมืองที่ส่งทูตมาขอพระบรมสารีริกธาตุครั้งแรก มีจำนวนเท่าไร ?
ก.6 เมือง ข.7 เมือง
ค.8 เมือง ง.9 เมือง
ตอบ ข
48.พระราชาพระองค์ใด ถวายการอุปถัมภืในคราวสังคายนาครั้งที่ 3 ?
ก.พระเจ้ากาลาโศกราช
ข.พระเจ้าอโศกมหาราช
ค.พระเจ้าอชาตศัตรู
ง.พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ
ตอบ ข
49.อันตรธานใด เป็นชั้นแรกแห่งความเสื่อมในพระพุทธศาสนา ?
ก.ปริยัติอันตรธาน ข.ปฏิบัติอันตรธาน
ค.ปฏิเวธอันตรธาน ง.ลิงคอันตรธาน
ตอบ ก
50.ความเสื่อมสูญไปแห่งสมณเพศ หมายถึงอันตรธานใด ?
ก.ปริยัติอันตรธาน ข.ปฏิบัติอันตรธาน
ค.ปฏิเวธอันตรธาน ง.ลิงคอันตรธาน
ตอบ ง

แม่กองธรรมสนามหลวง เฉลย
(ขอปัญญาจงเกิดแก่ท่าน)

คุรุธรรม

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม ธรรมศึกษาชั้นเอกปี พ.ศ. ๒๕๕๒

1.ธรรมวิจารณ์ หมายถึงอะไร
ก.การวิพากษ์วิจารณ์ธรรม
ข.การเลือกเฟ้นพิจารณาธรรม
ค.การโต้วาทีในหัวข้อธรรม
ง.การวิเคราะห์ธรรม
ตอบ ข
2.คนผู้ไร้พิจารณ์หมายถึง....?
ก.ไร้การศึกษา ข.ไร้ความสามารถ
ค.ไร้ศีลธรรม ง.ไร้ปัญญาพิจารณา
ตอบ ง
3.ผู้ข้องอยู่ในโลกมีอาหารเช่นไร ?
ก.ติดในสิ่งล่อใจ
ข.สนใจข่าวสารโลก
ค.อยากมีอยากเป็น
ง.อยากเกิดในโลก
ตอบ ก
4.ผู้ข้องอยู่ในโลกจะได้รับผลอย่างไร ?
ก.ได้สุขฝ่ายเดียว ข.สนใจข่าวสารโลก
ค.ได้ทั้งสุขและทุกข์ ง.ไม่ได้ทั้งสุขและทุกข์
ตอบ ค
5."ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่" หมายความว่าอย่างไร ?
ก.ผู้รู้ยังยินดีอยู่ ข.ผู้ข้องอยู่จึงจะได้รู้
ค.ผู้รู้เป็นผู้ฉลาด ง.ผู้รู้โลกตามความเป็นจริง
ตอบ ง
6.ท่านเปรียบสิ่งที่มีอุปการะว่าเหมือนเภสัช เพราะเหตุใด ?
ก.ให้คุณฝ่ายเดียว
ข.ให้โทษฝ่ายเดียว
ค.ให้ทั้งคุณและโทษ
ง.ให้ความสะดวกสบาย
ตอบ ค
7.คำว่า "นิพพิทา" มีความหมายตรงกับข้อใด ?
ก.ความหน่ายทำบาป
ข.ความหน่ายปฏิบัติธรรม
ค.ความหน่ายที่เกิดจากกิเลส
ง.ความหน่ายในกองสังขาร
ตอบ ง
8.คำว่า "มาร" มีความหมายตรงกับข้อใด ?
ก.ล้างผลาญชีวิต ข.ล้างผลาญความดี
ค.ล้างผลาญความเจริญ ง.ล้างผลาญสติปัญญา
ตอบ ข
9."ผู้ใดรักษาจิตผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร" คำว่า มาร หมายถึง ?
ก.พญามาร ข.กิเลสมาร
ค.ขันธมาร ง.อภิสังขารมาร
ตอบ ข
10.คำว่า "บ่วงแห่งมาร" คืออะไร ?
ก.วัตถุกาม ข.กิเลสกาม
ค.กามราคะ ง.กามตัณหา
ตอบ ก
11.กามคุณ ๕ จัดเป็นบ่วงแห่งมารเพราะเหตุใด ?
ก.ทำให้ใจเศร้าหมอง ข.ทำให้ใจเดือดร้อน
ค.ทำให้ใจเบิกบาน ง.ทำให้ใจหลงติด
ตอบ ง
12.จะพ้นจากบ่วงแห่งมารได้ต้องทำอย่างไร ?
ก.ให้ทาน ข.รักษาศีล
ค.ฟังธรรม ง.สำรวมจิต/เจริญปัญญา
ตอบ ง
13.ข้อใดไม่ใช่อาหารสำรวมจิต ?
ก.สำรวมอินทรีย์ ข.สำรวมในปาฏิโมกข์
ค.บำเพ็ญสมถะ ง.เจริญวิปัสสนา
ตอบ ก
14.สามัญญลักษณะ ได้แก่อะไร ?
ก.ลักษณะไม่เที่ยง ข.ลักษณะเป็นทุกข์
ค.ลักษณะไม่ใช่ตัวตน ง.ลักษณะเสมอกันแห่งสังขาร
ตอบ ง
15.สังขารในขันธ์ ๕ ตรงกับข้อใด ?
ก.สภาพอันธรรมดาแห่งขึ้น
ข.สภาพผู้ปรุงแต่งใจ
ค.สภาพอันธาตุ ๔ แต่งขึ้น
ง.สภาพที่เป็นเอง
ตอบ ข
16.ข้อใดไม่ใช่ อนิจจลักษณะ ?
ก.ว่างเปล่า ข.แปรไปในระหว่าง
ค.ไม่คงที่ ง.เกิดแล้วดับ
ตอบ ก
17.คำว่า "ปกิณณกทุกข์" ในทุกขตาได้แก่อะไร ?
ก.ชาติ ข.ชรา
ค.มรณะ ง.โสกะ
ตอบ ง
18.อะไรปิดบังไว้ จึงมองไม่เห็นอนิจจลักษณะ ?
ก.ความเข้าใจผิด ข.ความเคลื่อนไหว
ค.ความสืบต่อ ง.ความเป็นกลุ่มก้อน
ตอบ ค
19. สภาวทุกข์ ได้แก่ข้อใด ?
ก.ความเจ็บปวด ข.ความแก่ชรา
ค.ความร้อนใจ ง.ความหิวกระหาย
ตอบ ข
20.นิพัทธทุกข์ ทุกข์เนืองนิตย์ ได้แก่อะไร ?
ก.ชาติ ข.ชรา
ค.โสกะ ง.หิว
ตอบ ง
21.สันตาปทุกข์ เกิดจากอะไร ?
ก.เกิดเอง ข.ผลกรรม
ค.กิเลส ง.ทุกขเวทนา
ตอบ ค
22.การเห็นอนัตตาต้องมีอะไรกำกับ จึงจะไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ?
ก.ศรัทธา ข.นิพพิทาญาณ
ค.สมาธิ ง.โยนิโสมนสิการ
ตอบ ง
๒๓.คำสอนในข้อใด ที่ศาสนาอื่นไม่มี ?
ก.บาป บุญ ข.นรก สวรรค์
ค.อนัตตา ง.ตายแล้วเกิด
ตอบ ค
24.คำว่า "วิมุตติ" หมายถึงหลุดพ้นจากอะไร ?
ก.ตัณหา ข.อาสวกิเลส
ค.อวิชา ง.อุปาทาน
ตอบ ข
25.การอ้อนวอนบวงสรวง จัดเข้าในอาสวะข้อใด ?
ก.อวิชชาสวะ ข.กามาสวะ
ค.กิเลสาสวะ ง.ภวาสวะ
ตอบ ก
26.กิเลสที่หมักดองอยู่ในจิตตสันดาน เรียกว่าอะไร ?
ก.อนุสัย ข.อาสวะ
ค.โอฆะ ง.อวิชชา
ตอบ ข
27.ปฏิปทาของพระอรหันต์ผู้เจริญสมถะก่อนแล้วจึงเจริญวิปัสสนา เรียกว่าอะไร ?
ก.เจโตวิมุตติ ข.ปัญญาวิมุตติ
ค.วิกขัมภนวิมุตติ ง.สมุทเฉทวิมุตติ
ตอบ ก
28.ความบริสุทธิ์ภายใน ย่อมมีได้ด้วยอะไร ?
ก.ทาน ข.ศีล
ค.สมาธิ ง.ปัญญา
ตอบ ง
29.สัมมาวายามะ ในมรรค 8 สงเคราะห์เข้าในวิสุทธิข้อใด ?
ก.สีลวิสุทธิ ข.จิตตวิสุทธิ
ค.ทิฏฐิวิสุทธิ ง.ญาณทัสสนวิสุทธิ
ตอบ ข
30.การพิจารณาเห็นสังขารโดยไตรลักษณ์ จัดเป็นวิสุทธิอะไร ?
ก.สีลวิสุทธิ ข.จิตตวิสุทธิ
ค.ทิฏฐิวิสุทธิ ง.ญาณทัสสนวิสุทธิ
ตอบ ง
31.ผู้เว้นจากการเบียดเบียนทางกาย วาจา ใจ ชื่อว่ามีธรรมใดอยู่ภายใน ?
ก.วิมุตติ ข.วิสุทธิ
ค.วิราคะ ง.สันติ
ตอบ ง
32.ธรรมใดส่งเสริมให้สังคมเกิดสันติสุข ?
ก.สุจริต ข.บุญกิริยาวัตถุ
ค.อคติ ง.พรหมวิหาร
ตอบ ก
33.โลกามิส ได้แก่อะไร ?
ก.กามคุณ ข.กามตัณหา
ค.กามราคะ ง.กิเลสกาม
ตอบ ก
34.จุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คืออะไร ?
ก.สวรรค์ ข.พรหมโลก
ค.นิพพาน ง.ดับสูญ
ตอบ ค
35.หาเครื่องเสียบแทงมิได้ เป็นความหมายของข้อใด ?
ก.วิราคะ ข.นิพพิทา
ค.วิมุตติ ง.นิพพาน
ตอบ ง
36.ภิกษุ เธอจงวิดเรือนี้ เรืออันเธอวิดแล้ว จักพลันถึง เรือในที่นี้หมายถึงอะไร ?
ก.วัตถุ ข.สัตว์
ค.อัตตภาพ ง.กิเลส
ตอบ ค
37.กัมมัฏฐาน คืออะไร ?
ก.อุบายชำระจิต ข.อุบายกำจัดกิเลส
ค.อุบายสงบใจ ง.อุบายเรืองปัญญา
ตอบ ก
38.ความมีจิตแน่วแน่ เรียกว่าอะไร ?
ก.สมาบัติ ข.สมาธิ
ค.ฌาน ง.กัมมัฏฐาน
ตอบ ข
39.จิตเป็นสมาธิ ต้องเป็นจิตสงบจากอะไร ?
ก.กิเลสตัณหา ข.อาสวะกิเลส
ค.อกุศลวิตก ง.นิวรณ์
ตอบ ง
40.คนราคะจริต ควรเจริญกัมมัฏฐานข้อใด ?
ก.เมตตา ข.กรุณา
ค.อสุภะ ง.อนุสสติ
ตอบ ค
41.ข้อใดต่อไปนี้กล่าวได้ถูกต้อง ?
ก.อสุภะแก้โทสจริต
ข.เมตตาแก้สัทธาจริต
ค.ศรัทธาแก้วิตกจริต
ง.อานาปานสติแก้โมหจริต
ตอบ ง
42.คนประเภทใด ปฏิบัติกัมมัฏฐานไม่ได้ผล ?
ก.คนหลงสติ ข.คนหนุ่มสาว
ค.เด็กนักเรียน ง.คนเจ็บป่วย
ตอบ ก
43.ทรงเป็นผู้ฝึกฝนได้อย่างยอดเยี่ยม ตรงกับพุทธคุณข้อใด ?
ก.สมฺมาสมฺพุทฺโธ
ข.วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน
ค.อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ
ง.สตฺถา เทวมนุสฺสานํ
ตอบ ค
44.พุทธคุณข้อใด จัดเป็นพระวิสุทธิคุณ ?
ก.อรหํ ข.สมฺมาสมฺพุทฺโธ
ค.ภควา ง.วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน
ตอบ ก
45.ตจปัญจกกัมมัฏฐาน มีวิธีพิจารณาโดยอาการอย่างไร?
ก.โดยเป็นของน่ารัก ข.โดยเป็นของโสโครก
ค.โดยเป็นของไม่เที่ยง ง.โดยความมิใช่ตัวตน
ตอบ ข
46.คนนอนฝันร้าย ควรเจริญกัมมัฏฐานอะไร ?
ก.เมตตา ข.กายคตาสติ
ค.กสิณ ง.จตุธาตุววัตถาน
ตอบ ก
47.คนละโมบในอาหาร แก้ด้วยกัมมัฏฐานชนิดใด ?
ก.อสุภกัมมัฏฐาน ข.มรณัสสติ
ค.อนุสสติกัมมัฏฐาน ง.อาหาเรปฏิกูลสัญญา
ตอบ ง
48.คำว่า วิปัสสนา มีความหมายว่าอย่างไร ?
ก.เห็นแจ้งรูปนาม ข.เห็นแจ้งนิพพาน
ค.เห็นแจ้งสังขาร ง.เห็นแจ้งอวิชชา
ตอบ ก
49.อะไรเป็นเหตุให้ผู้บำเพ็ญวิปัสสนาเข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผล ?
ก.วิปัลลาส ข.วิปัสสนูปกิเลส
ค.อุปกิเลส ง.นิวรณ์
ตอบ ข
50.ผลสูงสุดของวิปัสสนา คืออะไร ?
ก.เห็นสังขารเกิดดับ
ข.เห็นสังขารตามเป็นจริง
ค.เห็นสังขารเป็นทุกข์
ง.เห็นสังขารเป็นอนัตตา
ตอบ ข

เฉลยโดยแม่กองธรรมสนามหลวง

คุรุธรรม